ไทยยูเนี่ยนจับมือ Sustainable Fisheries Partnership ประกาศความสำเร็จผลงานด้านความยั่งยืนปีแรกร่วมกัน

กรุงเทพมหานคร และพอร์ตแลนด์ (สหรัฐอเมริกา) – 22 สิงหาคม 2566 – บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และ Sustainable Fisheries Partnership หรือ SFP รายงานความสำเร็จจากการทำงานร่วมกันในปีแรก เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงให้อุตสาหกรรมอาหารทะเลอย่างเป็นรูปธรรม โดยไทยยูเนี่ยนยังได้ประกาศกลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange® 2030 เป็นการตอกย้ำในการเดินหน้าทำงานด้านความยั่งยืน

ในฐานะบริษัทอาหารทะเลชั้นนำของโลก ไทยยูเนี่ยนตระหนักถึงความรับผิดชอบในการจัดหาอาหารทะเลที่ยั่งยืนอย่างมีจริยธรรม กลยุทธ์ SeaChange® 2030 ของบริษัทจึงได้มีการจัดสรรงบประมาณเป็นจำนวน 7,200 ล้านบาท ซึ่งเทียบเท่ากับกำไรสุทธิของบริษัทในปีที่ผ่านมา เพื่อดำเนินงานด้านความยั่งยืนไปจนถึงปี พ.ศ. 2573 โดยมุ่งที่จะพลิกโฉมอุตสาหกรรมอาหารทะเลโดยดูแลทั้งผู้คนและสิ่งแวดล้อมโลกเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนต่อไป

อดัม เบรนนัน ผู้อำนวยการกลุ่ม ด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เพราะเราต้องลงมือทำกันอย่างจริงจังตั้งแต่วันนี้ ทำให้เราตั้งใจที่จะผลักดันให้ทั้งอุตสาหกรรมทะเลทั่วโลกดีขึ้นผ่านกลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange® ของเรา ซึ่งพันธกิจต่างๆ ที่เราตั้งไว้นั้น มีเป้าหมายที่ชัดเจนและต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วน รวมถึง SFP ที่จะช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างในระยะยาวเป็นจริงขึ้นได้ และด้วยความร่วมมือนี้ เรากำลังขอให้อุตสาหกรรมในวงกว้างมาร่วมมือกันทำงานด้านความยั่งยืน”

แคธริน โนวัค ผู้อำนวยการด้านความหลากหลายทางชีวภาพและธรรมชาติ องค์กร SFP กล่าวว่า “ไทยยูเนี่ยนได้สร้างมาตรฐานและความคาดหวังใหม่ให้กับการทำงานด้านความยั่งยืนในอุตสาหกรรมอาหารทะเล ด้วยพันธกิจที่ชัดเจนและมีเป้าหมายที่สูงในการปกป้องสิ่งมีชีวิตในทะเล ถ้าทุกคนปฏิบัติตามแนวทางดังกล่าว อุตสาหกรรมอาหารทะเลก็จะมีบทบาทสำคัญในการเน้นย้ำถึงวิกฤตความหลากหลายทางชีวภาพในครั้งนี้ และช่วยกันอนุรักษ์สัตว์ทะเลเหล่านี้"

 

บรรยายภาพ: ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ไทยยูเนี่ยนได้เป็นบริษัทเอกชนรายแรกที่ได้ลงนามกับ SFP เพื่อเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหันมาปกป้องสัตว์น้ำในมหาสมุทร ซึ่งแคธริน โนวัค และอดัม เบรนนัน ได้ลงนามร่วมกัน

ความร่วมมือกับองค์กร SFP เป็นกุญแจสำคัญในงานด้านความยั่งยืนของไทยยูเนี่ยน เพราะ SFP เป็นองค์กรที่มีประวัติการทำงานมาเกือบ 2 ทศวรรษ เพื่อผลักดันและพัฒนาให้ห่วงโซ่อุปทานอาหารทะเลทั่วโลกดียิ่งขึ้น ความร่วมมือระหว่างไทยยูเนี่ยนและ SFP ในครั้งนี้ได้ก่อให้เกิดความคืบหน้าใน 5 ด้านด้วยกัน

  1. ปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเล: ด้วยความร่วมมือกับ SFP ทำให้ไทยยูเนี่ยนได้มีการตรวจสอบห่วงโซ่อุปทานเพื่อตรวจสอบหาความเสี่ยงในการจับสัตว์น้ำชนิดอื่นๆ ส่งผลให้เกิดการจัดหาวัตถุดิบจากเรือประมงที่มีการปฏิบัติตามข้อปฏิบัติในการปกป้องสัตว์น้ำเท่านั้น ไทยยูเนี่ยนยังเป็นผู้บุกเบิกในข้อเรียกร้องดังกล่าว และแนวทางการจัดหาวัตถุดิบอย่างมีความรับผิดชอบนี้มีการระบุไว้ในกลยุทธ์ SeaChange® 2030 อย่างชัดเจน
  2. ความเข้าใจในห่วงโซ่อุปทาน และมีการส่งต่อความเข้าใจนี้ในระดับสากล: การใช้ระบบที่เรียกว่า Seafood Metrics system ของ SFP ทำให้ไทยยูเนี่ยนได้รับข้อมูลเชิงลึกในห่วงโซ่อุปทานในระดับสากล และสามารถเพิ่มความโปร่งใสในการทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้น และการที่บริษัทได้เปิดเผยข้อมูลของแหล่งอาหารทะเลทั้งจากการประมงและการเพาะเลี้ยงในฟาร์ม ผ่านโครงการ Ocean Disclosure Project ของ SFP ทำให้การทำงานต่อยอดพันธกิจของบริษัทมีข้อมูลสนับสนุนให้เกิดความน่าเชื่อถือไว้วางใจยิ่งขึ้น
  3. ลดความสับสนในห่วงโซ่อุปทานอาหารทะเล: ในช่วงแรกที่มีการนำระบบ universal fishery identification system ของ SFP มาใช้นั้น ไทยยูเนี่ยนสามารถปรับปรุงการตรวจสอบย้อนกลับได้ในห่วงโซ่อุปทานของปูม้า ซึ่งมาตรฐานในการประมงนี้ช่วยให้ไทยยูเนี่ยนพัฒนาเรื่องการตรวจสอบย้อนกลับไปได้ไปอีกระดับ
  4. การระบุประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศผ่านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างมีความรับผิดชอบ: เป็นไปตามแนวกลยุทธ์ SeaChange® 2030 ไทยยูเนี่ยนได้ทำงานด้านการจัดการการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเพื่อลดผลกระทบต่อระบบนิเวศ
  5. สร้างตัวอย่างในการทำงานและผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมอาหารทะเล: ไทยยูเนี่ยนได้จัดสรรงบประมาณซึ่งเทียบเท่ากำไรสุทธิในปี 2565 ในการดำเนินงานความยั่งยืนตามกลยุทธ์ SeaChange® ไปจนถึงปี 2573 ทำให้ทั้งอุตสาหกรรมหันมาให้ความสนใจ ความร่วมมือของไทยยูเนี่ยนกับ SFP และการมีส่วนร่วมในกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทในการผลักดันให้เกิดการพัฒนาขึ้นในวงกว้าง โดยใช้แนวทางการปฏิบัติที่ดีที่สุดในการปกป้องระบบนิเวศของมหาสมุทร

รายงานความก้าวหน้าในปีแรกของความร่วมมือระหว่างไทยยูเนี่ยนและ SFP ล้วนเป็นสิ่งที่ทั้งสององค์กรได้ให้คำมั่นว่าจะบรรลุให้ได้ในปีแรก ด้วยวิสัยทัศน์ที่มีร่วมกันและความเชี่ยวชาญที่แต่ละฝ่ายมีทำให้เชื่อว่าความมือนี้จะช่วยผลักด้านให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ในอุตสาหกรรมอาหารทะเล

สามารถอ่านรายงานความก้าวหน้าฉบับเต็มได้ที่นี่

สามารถอ่านรายงานความยั่งยืนของไทยยูเนี่ยนได้ที่นี่

เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำด้านอาหารทะเลระดับโลกที่นำผลิตภัณฑ์อาหารทะเลคุณภาพสูง ดีต่อสุขภาพ อร่อย และสร้างสรรค์ มาสู่ลูกค้าทั่วโลกมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2520

ปัจจุบัน ไทยยูเนี่ยนถือได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอาหารทะเลชั้นนำของโลกและเป็นหนึ่งในผู้ผลิตปลาทูน่าในบรรจุภัณฑ์ชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีเกินกว่า 155,586 ล้านบาท (4,438 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และแรงงานทั่วโลกกว่า 44,000 คน ที่ทุ่มเทให้กับการบุกเบิกผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่สร้างสรรค์และยั่งยืน

ปัจจุบันไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar, Hawesta และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ OMG MEAT เบลลอตต้า และมาร์โว่ นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบอาหารภายใต้แบรนด์ UniQ®BONE และ UniQ®DHA และผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพแบรนด์ ZEAvita

ไทยยูเนี่ยนมีเป้าหมายเพื่อสร้าง "การมีสุขภาพที่ดี และท้องทะเลที่อุดมสมบูรณ์, Healthy Living, Healthy Oceans" โดยให้ความสำคัญกับสุขภาพผู้คน ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ท้องทะเล เราภาคภูมิใจในการเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact: UNGC) พร้อมทั้งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) และได้รับเกียรติเป็นเป็นประธาน SeaBOS หรือ Seafood Business for Ocean Stewardship ไทยยูเนี่ยนดำเนินงานด้านความยั่งยืนโดยยึดหลักกลยุทธ์ SeaChange® ที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ จากผลการประเมินงานด้านความยั่งยืนปี 2565 บริษัทได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices: DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่เป็นปีที่ 9 ปีติดต่อกันและได้อันดับ 1 ในกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหารซึ่งไทยยูเนี่ยนเคยได้ในปี 2561 และปี 2562 นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index เป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน

เกี่ยวกับ SFP

Sustainable Fisheries Partnership หรือ SFP ก่อตั้งขึ้นในปี 2549 มีการดำเนินงานอยู่ทั่วโลก เพื่อให้มหาสมุทรมีความอุดมสมบูรณ์ มีการผลิตอาหารทะเลอย่างยั่งยืน และทุกคนสามารถเข้าถึงอาหารที่ผลิตอย่างยั่งยืนได้ เราผนึกกำลังจากผู้รับซื้ออาหารทะเลและผู้ค้าปลีกในทุกขั้นตอนของห่วงโซ่อุปทานเพื่อสร้างทรัพยากรปลาให้กลับมาใหม่ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่มีต่อการจับปลาและการเลี้ยงปลา ชี้ประเด็นปัญหาทางสังคมที่มีในการจับปลา และโอกาสทางเศรษฐกิจสำหรับชาวประมงและชุมชนที่เกี่ยวข้อง การประชุมโต๊ะกลมเรื่องห่วงโซ่อุปทานเปิดโอกาสให้บริษัทคู่ค้าในธุรกิจอาหารทะเลได้ทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาและสนับสนุนข้อปฏิบัติในการทำประมงและเลี้ยงสัตว์น้ำต่างๆ รวมถึงด้านการบริหารจัดการและนโยบาย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ www.sustainablefish.org และติดตามเราได้ทาง Facebook Twitter และ LinkedIn