ประวัติบริษัท
บริษัท ไทยยูเนี่ยน ก่อตั้งขึ้นในปี 2520 เติบโตสั่งสมประสบการณ์จนกระทั่งมีผลิตภัณฑ์และเป็นแบรนด์ที่นิยมของผู้บริโภคทั่วโลก กลยุทธ์การเติบโตอย่างยั่งยืนที่มุ่งเดินหน้าอย่างแน่วแน่ล้วนมีรากฐานมาจากการสร้างสรรค์นวัตกรรมเชิงรุก เรามีวิสัยทัศน์ที่จะเป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดในโลก ซึ่งดูแลพนักงาน ห่วงใยสังคม และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติที่เรามีส่วนร่วมด้วยตลอดทาง
2563
2563 ปีแห่งความท้าทาย และการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
ในปี 2563 การแพร่ระบาดของโควิด 19 ก่อให้เกิดความท้าทายต่าง ๆ ต่อผู้คนและธุรกิจทั่วโลก ไทยยูเนี่ยน ได้วางโครงสร้างการจัดการวิกฤตที่เป็นไปในแนวทางเดียวกันทั่วโลก ตั้งแต่สำนักงานใหญ่กระจายสู่สำนักงานต่าง ๆ ของเราทั่วโลก ทั้งนี้เพื่อให้แต่ละแห่งพัฒนาแผนรับมือการแพร่ระบาดและปฏิบัติตามแผนดังกล่าวเพื่อความปลอดภัยของพนักงานและเพื่อให้การดำเนินงานของเราสามารถดำเนินต่อไปได้
- บริษัทได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็นร้อยละ 90 ในบริษัท TUMD Luxembourg S.a.r.l. ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทค้าปลีกอาหารทะเล 3 แห่ง ทำให้มีบทบาทในการควบคุมการดำเนินงานธุรกิจในประเทศรัสเซีย
- บริษัทขยายการทำงานและการลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีอาหารที่มีนวัตกรรม โดยได้ลงทุนในโครงการ Corporate Venture Capital (CVC) แล้ว 6 โครงการ ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโปรตีน ทางเลือก โภชนาการเฉพาะด้านและเทคโนโลยีห่วงโซ่คุณค่า
- บริษัท ไทร-ยูเนี่ยน ซีฟู้ดส์ จำกัด สามารถบรรลุข้อตกลงในหลักการเพื่อยุติข้อพิพาธคดีผูกขาดทางการค้าในประเทศสหรัฐอเมริกา
- บริษัทได้ลงทุนในบริษัทร่วมทุนร่วมกับบริษัท ไทย เบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ใช้ชื่อว่าบริษัท ฟู้ดแอนด์เบฟเวอเรจ ยูไนเต็ด จำกัด เพื่อร่วมพัฒนา ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าประเภทอาหารและเครื่องดื่ม
- บริษัทซื้อหุ้นกลับเป็นจำนวน 117 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 1,500 ล้านบาท เพื่อช่วยบริหารสภาพคล่องส่วนเกินของบริษัท
2562
2562 ปีแห่งการขยายธุรกิจและปรับปรุงประสิทธิภาพ
สำหรับไทยยูเนี่ยน ในปี 2562 นับเป็นปีแห่งการขยายธุรกิจและการให้ความสำคัญกับการปรับปรุงประสิทธิภาพในทุกหน่วยธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
- เราขยายธุรกิจค้าปลีกอาหารทะเลในประเทศไทยด้วยการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทธรรมชาติ ซีฟู้ด รีเทล จำกัด (TSR) เป็นร้อยละ 65 ซึ่ง TSR ประกอบธุรกิจจัดหาและนำาเข้าอาหารทะเลให้ร้านค้าปลีกที่มีเคาน์เตอร์อาหารทะเล โดยบริการผลิตภัณฑ์อาหารสดและอาหารแช่เยือกแข็งให้ร้านต่างๆ รวม 195 แห่งทั่วประเทศไทย
- เราได้เข้าลงทุนเชิงกลยุทธ์ในบริษัท อีเจียร์ ซีฟู้ด หนึ่งในผู้นำการผลิตตับปลาค็อดจากประเทศไอซ์แลนด์ การลงทุน ในครั้งนี้จะสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจตับปลาค็อดของไทยยูเนี่ยนภายใต้แบรนด์คิง ออสการ์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตตับปลาค็อด ซาร์ดีน และแมคเคอเรล ที่ตั้งอยู่ในประเทศนอร์เวย์
- เราได้ลงนามในความร่วมมือกับบริษัท วิน-เชน เซี่ยงไฮ้ ซัพพลายเชน เมเนจเม้นท์ จำกัด ที่จะเป็นหุ้นส่วนเชิงกลยุทธ์ ในการจัดหาผลิตภัณฑ์อาหารทะเลในตลาดจีน ทั้งแบบช่องทางปกติและแบบออนไลน์
- เราได้ประกาศตั้งแหล่งเงินทุน venture fund ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนอย่างต่อเนื่องของบริษัทในด้านนวัตกรรม โดยในเบื้องต้นบริษัทได้ตั้งเงินทุนไว้ 30 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับลงทุนในบริษัทนวัตกรรมที่กำลังพัฒนาเทคโนโลยีล้ำสมัยในด้านอาหาร บริษัทแรกที่เราได้เริ่มลงทุนแล้วคือบริษัท Flying Spark ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพพัฒนาโปรตีนทางเลือก
- บริษัทย่อยของไทยยูเนี่ยน จอห์น เวสต์ ฟู้ดส์ จำกัด พ้นข้อกล่าวหาการทำธุรกิจกับการประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงานและการกำกับดูแลจากการกล่าวโทษโดยองค์กรการจัดการมหาสมุทรแห่งสหราชอาณาจักร
- บริษัทย่อยของไทยยูเนี่ยน Chicken of the Sea® บรรลุข้อตกลงชำระค่าชดเชยกับผู้ฟ้องร้องเป็นส่วนใหญ่ ในคดีที่ถูกฟ้องร้องเรื่องการผูกขาดในประเทศสหรัฐอเมริกา
2561
สำหรับไทยยูเนี่ยน ปี 2561 เป็นปีของการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน เรายังคงให้ความสำคัญกับการดำเนินงานที่มีอยู่ ทั้งนี้เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินงานของเราไม่เพียงแต่จะยังประสิทธิภาพยิ่งขึ้น แต่ยังเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้กับธุรกิจอีกด้วย
- เราบรรลุข้อตกลงการเข้าซื้อหุ้นร้อยละ 25.1 ในบริษัทธรรมชาติ ซีฟู้ด รีเทล จำกัด เป็นมูลค่าราว 37 ล้านบาท บริษัทธรรมชาติ ซีฟู้ด รีเทลให้บริการการบริหารอย่างมืออาชีพกับผู้ค้าปลีกไทยในการจัดการผลิตภัณฑ์อาหารสดและอาหารแช่เยือกแข็งที่ซุ้มอาหารทะเล ครอบคลุม 158 แห่งในประเทศไทย
- เราเข้าถือหุ้นร้อยละ 45 ในบริษัท TUMD Luxembourg S.a.r.l (TUMD) ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทรัสเซีย 3 แห่งได้แก่ Dalpromryba Limited Liability CompanyTorgovo-Promyshlenny Kompleks “Dalpromryba” Limited LiabilityCompany และ Maguro Limited Liability Company โดยบริษัทเหล่านี้เป็นที่รู้จักกันในนาม DPR Group (DPR) เจ้าของธุรกิจค้าปลีกอาหารทะเล และปลา ซึ่งเป็นผู้ผลิตปลาทูน่ากระป๋องอันดับหนึ่งของรัสเซีย
- เราเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของกลุ่มบริษัทไทยยูเนี่ยน โดยซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนร้อยละ 28.46 ทำให้บริษัทถือหุ้นทั้งหมดร้อยละ 66.9 ของหุ้นที่เรียกชำระแล้ว เราถือหุ้นเพิ่มร้อยละ 10 ในบริษัท EHS Training and Services Co., Ltd. (เดิมชื่อบริษัทธีร์ โฮลดิ้ง) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของไทยยูเนี่ยนกรุ๊ป โดยก่อนหน้านี้บริษัทถือหุ้นในบริษัทนี้ร้อยละ 90
- ในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ Ingredients เราประสบความสำเร็จในการเปิดตัวโรงกลั่นน้ำมันปลาทูน่าในเมืองรอสต็อก ประเทศเยอรมนี โรงงานนี้ทำให้ไทยยูเนี่ยนกลายเป็นผู้กลั่นน้ำมันทูน่าเกรดสูงเพียงรายเดียวที่มีการบริหารการผลิตและระบบห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่ต้นจนจบ ธุรกิจส่วนประกอบอาหารทะเลของเราจะทำการเชิงพาณิชย์ ผลการคิดค้นส่วนประกอบที่มีมูลค่าสูงในธุรกิจ B2B
- เราเปิดตัว The Lobster Lab ร้านอาหารทะเลภายใต้แบรนด์ธรรมชาติ ซีฟู้ด ในซูเปอร์มาร์เก็ตเหอหม่า ซึ่งเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตแนวใหม่จากอาลีบาบาในเมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน โดยร้านอาหารที่ใช้คอนเซ็ปต์ซื้อกลับและนั่งรับประทาน ในร้านนี้จะเสิร์ฟกุ้งล็อบสเตอร์สดจากทวีปอเมริกาเหนือ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคชาวจีนที่นิยมรับประทานอาหารทะเลสดที่ยังคงคุณค่าและมีรสชาติดี
- เราเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของไทยยูเนี่ยนกรุ๊ป จากร้อยละ 51 เป็นร้อยละ 63.05 ในช่วงแรก และร้อยละ 66.90 ในช่วงต่อที่สอง หลังจากที่บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ได้เพิ่มทุนจดทะเบียน
- เราเข้าซื้อหุ้นร้อยละ 51 ในบริษัท TMAC จากบริษัทไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ ในเดือนสิงหาคม ซึ่งบริษัท TMAC เป็นบริษัทร่วมทุนกับมิตซูบิชิ
- บริษัท Europe๎enne de la Mer ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของไทยยูเนี่ยนได้ประกาศขายบริษัท The Edinburgh Salmon Company Ltd (“ESCo”) ซึ่งดำเนินธุรกิจปลาแซลมอนแช่เย็นในประเทศสกอตแลนด์ เนื่องจากประสบปัญหาขาดทุน โดยบริษัท ESCo ได้ปิดตัวลงในวันที่ 31 ธันวาคม 2561
- เราเปิดตัวการใช้สำนักงานร่วมกันสำหรับบริษัท Chicken of the Sea International และบริษัทChicken of the Sea Frozen Foods ในเมืองลอสแอนเจลิส โดยสำนักงานของไทยยูเนี่ยนแห่งใหม่นี้เป็นศูนย์กลางระดับภูมิภาคในการดูแลการดำเนินงานในแถบอเมริกาเหนือ
2560
ในปี 2560 เรามีการปรับองค์กรและโครงสร้างทั่วโลก เพื่อมุ่งสู่การประสานการทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การขยายงาน การเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ศูนย์กลางการดำเนินงานของเรา รวมทั้งการเสริมประสิทธิภาพการประสานงานกับธุรกิจต่างๆ ที่เราเข้าซื้อกิจการ
- เราผสานธุรกิจแบรนด์ไทย ซึ่งดูแลแบรนด์ ซีเล็ค และฟิชโช รวมในธุรกิจตลาดเกิดใหม่ภายใต้กลุ่มบริษัทไทยยูเนี่ยน ในขณะเดียวกัน เราปิดส่วนปฎิบัติงานของบริษัท ธีร์ โฮลดิ้ง และผนวกธุรกิจเพื่อสร้างประสิทธิภาพ ด้วยการใช้ทรัพยากรกลางร่วมกันภายในไทยยูเนี่ยน นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างธุรกิจแบรนด์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นโดยต่อยอดผลงานจาก ธีร์ โฮลดิ้ง ด้วยตลาดที่กว้างขึ้น ขยายการเข้าถึงแบรนด์ของเรา และผนึกกำลังการดำเนินงานร่วมกัน
- เราตั้งบริษัทไทยยูเนี่ยน ประเทศจีน เสร็จสมบูรณ์ โดยมีสำนักงานในเมืองเซี่ยงไฮ้และปักกิ่ง ซึ่งเป็นบริษัทย่อยถือหุ้นเต็มโดยไทยยูเนี่ยน โดยจำหน่ายผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง เช่น กุ้งปลาแซลมอน ปลาหิมะ และอาหารทะเลพิเศษอื่นภายใต้แบรนด์สินค้าพรีเมี่ยม คิง ออสการ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในประเทศจีน ทั้งช่องทางธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ และช่องทางออนไลน์ของไทยยูเนี่ยน นอกจากนี้เรายังร่วมมือกับบริษัทอาลีบาบาและร้านค้าปลีกของบริษัทที่ชื่อ เหอหม่า ในการเพิ่มธุรกิจกุ้งล็อบสเตอร์แบบมีชีวิตในประเทศจีน และเราได้เพิ่มช่องทางบริการอาหารช่องทางใหม่เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าในธุรกิจร้านอาหาร โรงแรม และอาหารและเครื่องดื่มอื่นๆ ของเรา ขณะนี้เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารทะเลมาร่วมงานกว่า 20 ท่าน และเรามีแผนจะขยายเพิ่มเติมเพื่อรองรับโอกาสการเติบโตที่เราเห็นในภูมิภาคนี้
- เพื่อให้การดำเนินธุรกิจสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ และขจัดโครงสร้างต้นทุนทับซ้อน เราได้แบ่งระดับองค์กรในยุโรปให้มีความชัดเจนขึ้น และแต่งตั้งคณะอนุกรรมการบริหารเพื่อดูแลธุรกิจเชิงพาณิชย์ การบริการด้านการเงินและธุรกิจ กิจการด้านกฎหมาย และระบบห่วงโซ่อุปทานในยุโรป นอกจากจะเป็นการลดต้นทุนต่อบุคลากรแล้ว วัตถุประสงค์หลักของการปรับโครงสร้างในครั้งนี้ยังมุ่งให้อำนาจหน่วยงานและโรงงานในแต่ละประเทศให้สามารถขับเคลื่อนการเติบโตเชิงผลกำไรและบริหารประสิทธิภาพต้นทุนได้โดยตรง อีกทั้งยังปรับโครงสร้างหน่วยงานในยุโรปให้เป็นหน่วยบริการธุรกิจที่มีประสิทธิภาพพร้อมรองรับผู้ประกอบการในประเทศต่างๆ และทำหน้าที่เป็นหน่วยงานต่อยอดจากสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพมหานคร
- ในการเสริมทัพธุรกิจรับจ้างผลิตสินค้าในทวีปยุโรปและสร้างความรับผิดชอบต่อธุรกิจแบบต้นจนจบ เราได้ตั้งบริษัท ไทยยูเนี่ยน เทรดดิ้ง ยุโรป ในเมืองอูเทรคต์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ ดำเนินงานขึ้นตรงต่อหน่วยงานธุรกิจรับจ้างผลิตทั่วโลกของเราซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานคร เราผนวกธุรกิจรับจ้างผลิตของไทยยูเนี่ยนยุโรปกับธุรกรรมการขายในยุโรปที่มาจากกรุงเทพฯ ผนวกศูนย์กลางด้านการตลาดและการขายเพื่อการดำเนินธุรกิจรับจ้างผลิตอาหารทะเลแปรรูป และธุรกิจร่วมบรรจุภัณฑ์ เป็นการรับจ้างผลิตป้อนลูกค้ายุโรปโดยตรงจากโรงงานของเราในยุโรป เอเชีย และสหรัฐอเมริกา
- เราตั้งสำนักงานภูมิภาคแห่งใหม่สำหรับทวีปอเมริกา โดยผนวกรวมสำนักงานสองแห่งเป็นศูนย์กลางภูมิภาคแห่งเดียว ตั้งอยู่ในเมืองลอสแองเจลลิส ในการรวมศูนย์ครั้งนี้ เป็นการรวมทีมด้านการเงินและการบัญชี ด้านไอที ด้านทรัพยากรบุคคล ด้านความยั่งยืน และด้านสื่อสารองค์กร เป็นทีมบริการทางธุรกิจทีมเดียวเพื่อให้การสนับสนุนกิจกรรมของห่วงโซ่อุปทานและกิจกรรมเชิงพาณิชย์ทั้งหมด การรวมสำนักงานนี้ไม่เพียงแต่ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพในโครงสร้างบุคลากรของเรา แต่ยังประโยชน์ด้านความร่วมมือที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นในทีมบัญชี ในด้านการจัดซื้อ โลจิสติกส์ และการตลาด
- เราประสบความสำเร็จในการขายกองเรือในประเทศกาน่า และไม่ทำการเดินเรือใดๆ โดยบริษัทเองอีกต่อไป
- เพื่อสืบสานเป้าหมายในการสร้างคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเราอย่างต่อเนื่อง เราได้เข้าซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายย่อยในบริษัทแพ็คฟู้ด ในประเทศไทย และบริษัทยู่เฉียงแคนฟู้ด ในประเทศเวียดนาม โดยปัจจุบันทั้งสองเป็นบริษัทย่อยของไทยยูเนี่ยน*
- เพื่อผลักดันในด้านประสิทธิภาพการดำเนินงาน เราได้ปรับโครงสร้างการผลิตและจำนวนแรงงานเพื่อให้เหมาะสมกับปริมาณงาน ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตที่โรงงานของเรา โดยเฉพาะโรงงานในเมืองเทม่า และลียง
- เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของความยั่งยืนและนวัตกรรมที่มีต่อการบริหารจัดการทั่วโลกของเรา บริษัทได้แต่งตั้ง ดร. แดเรียน แมคเบน และ ดร. ธัญญวัฒน์ เกษมสุวรรณ ให้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งในทีมผู้นำทั่วโลก (Global Leadership Team: GLT) มีผลตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ. 2561
หมายเหตุ: *มีสัดส่วนถือหุ้น 99.7% ในบริษัทแพ็คฟู้ด และ 100% ในบริษัทยู่เฉียงแคนฟู้ด
2559
บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป เสร็จสิ้นการเข้าซื้อซึ่งหุ้นส่วนใหญ่ในบริษัท รูเก้น ฟิช จำกัด อย่างสมบูรณ์ การทำงานร่วมกัน จะช่วยให้กลุ่มไทยยูเนี่ยนเข้าสู่ตลาดประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุด เพื่อสร้างการเติบโตของไทยยูเนี่ยนในภูมิภาคยุโรป
บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ทำข้อตกลงร่วมทุนเพื่อเข้าซื้อหุ้น 40 เปอร์เซนต์ ของบริษัท อะแวนติ โฟรเซ่น ฟู้ดส์ ไพรเวทลิมิเต็ด อินเดีย ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ผลิตกุ้ง โดยบริษัทอะแวนติ ฟีดส์ จำกัด เป็นเจ้าของ การลงทุนนี้มี วัตถุประสงค์เพื่อช่วยกระจายความหลากหลายของแหล่งจัดหาวัตถุดิบกุ้งของกลุ่มบริษัทและความเสี่ยงจากการดำเนินงาน รวมถึงการเพิ่มจำนวนผลผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์ของบริษัท
บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป เข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่ใน บริษัท เลเพ็ชเชอะรี เดอ เชซ์ นูส์ (เชซ์ นูส์) ผู้ผลิตกุ้งล็อบสเตอร์ประเทศแคนาดา ซึ่งมีสถิติยอดขายประมาณ 50 ล้านเหรียญแคนาดาในปี 2558 เชซ์ นูส์ อยู่ในเมืองนิวบรันสวิก ประเทศแคนาดา มีความสัมพันธ์โดยตรงกับชาวประมงทั้งในประเทศแคนาดาและมลรัฐเมน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศสหรัฐอเมริกา และมีโรงงานแปรรูปตั้งอยู่ในยุทธ์ศาสตร์ที่ดีบนอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ และกำลังลงทุนในสถานที่ จัดเก็บกุ้งล็อบสเตอร์แบบมีชีวิตอีกด้วย
การประกาศ การเข้าลงทุนทางกลยุทธ์มูลค่า 575 ล้านเหรียญสหรัฐ ในบริษัท เรด ล็อบสเตอร์ ซีฟู้ด ซึ่งเป็นบริษัทผู้ดำเนินกิจการร้านอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งนี้บริษัท โกลเดน เกท แคปิตอล ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และยังคงควบคุมการดำเนินงานของบริษัทเรด ล็อบสเตอร์ซึ่งบริษัทไทยยูเนี่ยนได้ทำงานอย่างใกล้ชิดมากกว่า 2 ทศวรรษ การลงทุนจะช่วยสร้างช่องทางในเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรงของบริษัทไทยยูเนี่ยน
การได้รับคัดเลือกติดดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ หรือ DJSI ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ เป็นปีที่สามติดต่อกันกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของไทยยูเนี่ยน ที่เรียกว่า SeaChange® ประสบความสำเร็จในการทำคะแนนทาง ด้าน Materiality โดยอยู่ในลำดับเปอร์เซ็นไทล์ที่ 100 ดีที่สุดในระดับของอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ความพยายามในเรื่องจรรยาบรรณธุรกิจ และความพยายามทางด้านสิทธิมนุษยชนและแรงงานอย่างทุ่มเทกับการปรับปรุงส่งผลให้อยู่ในลำดับเปอร์เซ็นไทล์ที่ 96 และ 91 ตามลำดับการเพิ่มขึ้นของคะแนนของบริษัทไทยยูเนี่ยนแสดงให้เห็นว่าถึงความพยายามและการมีวินัยในการนำแนวปฏิบัติด้านความยั่งยืนไปประยุกต์ใช้ รวมถึงการมีความรับผิดชอบต่อธุรกิจและห่วงโซ่อุปทานเพื่อให้บรรลุผลสำเร็จ บริษัทประกาศยกเลิกค่าธรรมเนียมในการสรรหาแรงงานเข้าทำงานสำหรับแรงงานทั้งหมดในส่วนโรงงานและโรงงานแปรรูป ประกอบด้วย แรงงาน ทั้งจากในประเทศไทยและจากต่างประเทศ แรงงานของไทยยูเนี่ยนประกอบด้วยแรงงานหลักจากประเทศไทย ประเทศเมียนม่าร์ และ ประเทศกัมพูชา ซึ่งมีทั้งที่สมัครเข้ามาทำงานด้วยตนเองหรือโดยตรงผ่านช่องทางบริษัทนายหน้าที่ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องในประเทศประเทศกัมพูชา และประเทศเมียนม่าร์การขับเคลื่อนดังกล่าวเป็นไปตามการพัฒนาที่ต่อเนื่องของไทยยูเนี่ยนตามนโยบายการสรรหาแรงงานข้ามชาติตามหลักจริยธรรม
บริษัทไทยยูเนี่ยนได้รับการเสนอชื่อสำหรับรางวัล Stop Slavery Award ของมูลนิธิ ธอมป์สัน รอยเตอร์ส (Thomson Reuters Foundation) สะท้อนถึงการที่บริษัทให้ความสำคัญกับการจัดการสภาพแวดล้อมการ ทำงานที่ปลอดภัย การจ้างงานที่ถูกต้องตามกฎหมายและมีเสรีภาพในการเลือกงาน รวมทั้งไม่ทำธุรกิจร่วมกับผู้ประกอบการที่มีการกดขี่แรงงานในห่วงโซ่อุปทานนอกจาก โครงการสำคัญสำหรับพนักงานไทยยูเนี่ยนแล้วที่ไทยยูเนี่ยนกำลังทำงานร่วมกับหลากหลายองค์กรเพื่อ ให้แน่ใจว่าการดำเนินงานเหล่านั้นในอุตสาหกรรมล้วนได้รับการปกป้องด้วยกัน
การประกาศกลยุทธ์ทีท้าทายเพื่อให้แน่ใจว่า 100 เปอร์เซ็นต์ของผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าที่เป็นแบรนด์ของบริษัทมาจากการจัดหาด้วยวิธีการเพื่อความยั่งยืน ด้วยความมุ่งมั่นที่จะบรรลุผลให้ได้อย่างน้อย 75 เปอร์เซ็นต์ในปี 2563 ส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ใหม่ด้านปลาทูน่านี้ ไทยยูเนี่ยน กำลังลงทุนเป็นจำนวนเงิน 90 ล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วงเริ่มต้น เพื่อเพิ่มปริมาณปลาทูน่าอย่างยั่งยืนในระบบอุปทานซึ่งรวมถึงการตั้งโครงการพัฒนาการประมง (Fishery Improvement Projects: FIPs) 11 โครงการทั่วโลก
2558
ไทยยูเนี่ยนประสบความสำเร็จในการรีแบรนด์องค์กรทั่วโลก โดยผสานให้ทั้งบริษัทเดินหน้าภายใต้ร่มอันเดียวกันไม่ว่าจะเป็นในเรื่องวิสัยทัศน์ ภารกิจ ค่านิยมองค์กร และความมีเอกลักษณ์ของแบรนด์ เพื่อผลักดันการเดินหน้าไปสู่เป้าหมายเดียวกันเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
- บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น จำกัด มหาชน (ตัวย่อ TUF) เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด มหาชน (ตัวย่อ TU)
- บริษัทเอ็มดับบลิว แบรนด์ส เอสเอเอส เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ไทยยูเนี่ยน ยุโรป
- บริษัทไทยยูเนี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล อิงค์ เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ไทยยูเนี่ยน นอร์ทอเมริกา อิงค์
เพื่อเป็นการเร่งความก้าวหน้าด้านนวัตกรรมของเรา ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ได้เปิดตัวศูนย์นวัตกรรม Global Innovation Incubator ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยและพัฒนาระดับโลก และเป็นแห่งแรกในประเทศไทย โดยใช้เงินลงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท
ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ร่วมทุนกับบริษัทซาโวลา ฟู้ดส์ คอมพานี หนึ่งในผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง ซึ่งมีแบรนด์ต่างๆ อาทิเช่น Afia, Alarabi Ladan และ Yudum โดยความร่วมมือดังกล่าวเอื้อประโยชน์ให้ทั้งสองบริษัทในการเข้าถึงความเชี่ยวชาญในธุรกิจอาหารทะเลทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลกที่มากขึ้น
การเข้าซื้อกิจการอย่างเสร็จสมบูรณ์ในบริษัทโอไรออน ซีฟู้ด อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นดำเนินธุรกิจกุ้งล็อบสเตอร์ชั้นนำของโลกจากสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้ ชิคเก้นออฟเดอะซี โฟรเซ่น ฟู้ดส์ กลายเป็นผู้นำในตลาดกุ้งล็อบสเตอร์ เป็นการต่อยอดธุรกิจกุ้งและเนื้อปูให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
2557
ไทยยูเนี่ยนเข้าซื้อกิจการในภูมิภาคยุโรปอีกครั้ง ด้วยการซื้อบริษัท เมอร์อไลอันซ์ เอสเอเอส จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตปลาแซลมอนรมควันอันดับ 4 ของยุโรป และเป็นอันดับ 1 ในประเทศฝรั่งเศส
ไทยยูเนี่ยนเข้าซื้อกิจการบริษัท คิง ออสการ์ เอเอส จำกัด ของนอร์เวย์ ซึ่งเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งปลาซาร์ดีนระดับพรีเมี่ยมในประเทศนอร์เวย์ สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย ที่มีอายุกว่า 140 ปี
ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ได้รับการคัดเลือกให้ติดอยู่ในดัชนีความยั่งยืนดาว โจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices :DJSI) ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นการตอกย้ำการยอมรับในระดับสากลต่อความมุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างยั่งยืนของไทยยูเนี่ยน นอกจากนี้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ยังสามารถรักษาสถานะของการได้รับคัดเลือกให้อยู่ในดัชนีตลอดมาจนถึงปัจจุบันในปี 2559 โดยมีคะแนนเพิ่มขึ้นตามลำดับ
2556
ไทยยูเนี่ยนลงนามในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) โดยให้สัญญาหลักการ 10 ประการในการพัฒนา ดำเนินการ และเปิดเผยนโยบายและแนวทางปฏิบัติองค์กรในด้านความรับผิดชอบและความยั่งยืน ประเด็นสำคัญของข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ คือ มาตรฐานด้านสิทธิมนุษยชน สิ่งแวดล้อม แรงงาน และการต่อต้านคอร์รัปชั่น และในสองปีถัดมาเราเริ่มทำงานกับองค์กรชั้นนำอื่นๆ ในประเทศไทยเพื่อสร้างเครือข่ายข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติภายในประเทศ
ในการร่วมมือกับเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน ไทยยูเนี่ยนลงทุน 10 ล้านบาทเพื่อสร้างโรงเรียนอนุบาล 2 แห่งในประเทศไทยให้กับพนักงานของไทยยูเนี่ยนและประชาชนในพื้นที่ และบริษัทเตรียมเปิดตัวอีก 3 โรงเรียนภายในปี 2563 โดยโครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจของเราในการส่งเสริมโอกาสการเรียนรู้ตลอดชีวิตให้กับพนักงงานของเราและครอบครัว
2555
ไทยยูเนี่ยนลงทุน 40% ในบริษัทแพ็คฟู้ด จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทแปรรูปอาหารพร้อมรับประทานและอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และต่อมาได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 49.97%
2553
ไทยยูเนี่ยนขยายกิจการไปในยุโรปด้วยการเข้าซื้อกิจการบริษัทเอ็มดับบลิว แบรนด์ส เอสเอเอส (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ไทยยูเนี่ยน ยุโรป) ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าบรรจุกระป๋อง และอาหารทะเลอื่นๆ โดยผลิตภัณฑ์ของไทยยูเนี่ยน ยุโรปประกอบไปด้วยแบรนด์ชั้นนำต่างๆ อาทิเช่น John West, Petit Navire, Parmentier และ Mareblu
ไทยยูเนี่ยน ตั้งบริษัท ยูเอสเพ็ท นูทรีชั่น จํากัด และทำตลาดผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงในสหรัฐอเมริกา.
2552
บริษัท ไทยยูเนี่ยน ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล โดยภารกิจของมูลนิธิฯ คือการริเริ่มและต่อยอดความริเริ่มทางวิทยาศาสตร์ที่จะนำไปสู่การอนุรักษ์ในระยะยาวและการใช้ทรัพยากรทูน่าที่มีในโลก รวมถึงการลดการจับสัตว์น้ำอื่นที่ติดมา และการส่งเสริมความสมบูรณ์ระบบนิเวศน์ของทูน่าอย่างยั่งยืน
ไทยยูเนี่ยนมีโรงงานแปรรูปใหม่เพิ่มขึ้นหนึ่งแห่งในปาปัวนิวกินีผ่านการลงทุน 33.33% ในบริษัทมอสบี้ อินเตอร์เนชั่นแนลโฮลดิ้งส์ จำกัด ร่วมกับบริษัทเซ็นจูรี่ แคนนิ่ง คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด และบริษัทฟราแบล ฟิชชิ่ง คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด
2551
บริษัท ไทยยูเนี่ยน เข้าถือหุ้นใหญ่ในบริษัท ยู่เฉียงแคนฟู้ด จำกัด ผู้ผลิตอาหารทะเลบรรจุกระป๋องของประเทศเวียดนาม
บริษัท ไทยยูเนี่ยน เข้าถือหุ้น 14.99% ในบริษัทอะแวนติ ฟีด จำกัด ผู้ผลิตอาหารกุ้งและผลิตภัณฑ์กุ้งของประเทศอินเดีย
2520-2549
2549
ตั้งบริษัท ชิกเก้นออฟเดอะซี โฟรเซ่น ฟู้ดส์ เพื่อทำตลาดอาหารทะเลแช่แข็งในสหรัฐอเมริกา และต่อมาได้ควบรวมกิจการกับบริษัท เอ็มเพรส อินเตอร์เนชั่นแนล และเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น “บริษัท ไทร-ยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด
2546
บริษัท ไทยยูเนี่ยน เข้าซื้อกิจการ โดยถือหุ้น 100% ในบริษัท เอ็มเพรส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เพื่อเพิ่มศักยภาพในการกระจายสินค้าอาหารทะเลในสหรัฐอเมริกา
2540
บริษัท ไทยยูเนี่ยน ลงทุนในต่างประเทศเป็นครั้งแรกด้วยการเข้าซื้อกิจการของชิกเก้นออฟเดอะซี ซึ่งเป็นแบรนด์ปลาทูน่ากระป๋องอันดับ 3 ในประเทศสหรัฐอเมริกา
2537
บริษัท ไทยยูเนี่ยน ได้เปลี่ยนเป็นบริษัทมหาชน โดยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายใต้ชื่อ บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ (ตัวย่อ TUF)
2535
ไทยยูเนี่ยนร่วมทุนกับบริษัทมิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น และบริษัท ฮาโกโรโม่ ฟู้ดส์ ซึ่งเป็นลูกค้าของไทยยูเนี่ยน รวมทั้งเป็นผู้ค้า ผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น โดยทั้งสองบริษัทล้วนมีส่วนสำคัญในการช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ของไทยยูเนี่ยนให้ได้มาตรฐานระดับสากลและเป็นบริษัทที่มีความสามารถในการแข่งขันได้ในตลาดโลก
2531
ก่อตั้งบริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและส่งออกอาหารทะเลแช่แข็ง ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 25 ล้านบาท
2524
ก่อตั้งบริษัท สงขลาแคนนิ่ง จำกัด (มหาชน) ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2524
2520
บริษัทก่อตั้งขึ้นในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2520 ภายใต้ชื่อว่า บริษัท ไทยรวมสินพัฒนาอุตสาหกรรม จำกัด เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจแปรรูปและส่งออกทูน่ากระป๋อง