ไทยยูเนี่ยนดูแลโลกในวันสิ่งแวดล้อมโลก บริจาคเสื้อผ้าและชุด PPE ที่ทำจากพลาสติกอัพไซเคิล

กรุงเทพมหานคร – 22 เมษายน 2565 – บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ร่วมเฉลิมฉลองวันคุ้มครองโลก ผ่านโครงการ Green Giving ที่นำขวดพลาสติก PET เหลือใช้ และขยะพลาสติกประเภทต่างๆ จำนวนกว่า 2,300 กิโลกรัม มาอัพไซเคิลเป็นชุดเสื้อผ้า และ อุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงชุด PPE จำนวน 1,000 ชุด มาบริจาคให้กับคนเก็บขยะใน 10 ชุมชนและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขด่านหน้า โดยขยะพลาสติกทั้งหมดนั้นพนักงานไทยยูเนี่ยนรวบรวมจากสำนักงานใหญ่และโรงงานต่างๆ ในเครือ เพื่อสานต่อความตั้งใจและมุ่งมั่นในการดูแลท้องทะเลให้อุดมสมบูรณ์ต่อไป

ท้องทะเลมีความสำคัญต่อธุรกิจของไทยยูเนี่ยนโดยตรง ในฐานะผู้ผลิตอาหารทะเลรายใหญ่ของโลก ซึ่งภารกิจการดูแลท้องทะเลของไทยยูเนี่ยนเป็นส่วนหนึ่งในเป้าหมายของบริษัทในการ “ดูแลสุขภาพที่ดีให้กับผู้คนและอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลให้อุดมสมบูรณ์”

ในแต่ละปีมีขยะพลาสติกถูกทิ้งลงสู่ทะเลเป็นจำนวนหลายล้านตัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นขยะจากเมืองใหญ่ และเป็นพลาสติกและไมโครพลาสติก เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตในท้องทะเลซึ่งไทยยูเนี่ยนต้องพึ่งพาอาศัย เพื่อเป็นการให้ทุกฝ่ายตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและสนับสนุนให้พนักงานของบริษัทจัดการขยะพลาสติกโดยการนำมารีไซเคิล เพื่อให้ท้องทะเลดีขึ้น ไทยยูเนี่ยนจึงได้ริเริ่มโครงการ Green Giving เพราะอยากให้นำขยะพลาสติกที่อาจจะถูกทิ้งลงทะเล ให้นำมาอัพไซเคิลเพื่อใช้ประโยชน์ต่อไปได้

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ท้องทะเลเปรียบเหมือนเส้นเลือดสำคัญของธุรกิจไทยยูเนี่ยน และในฐานะผู้นำธุรกิจอาหารทะเลของโลก เราเล็งเห็นถึงความสำคัญที่เราจะต้องเป็นผู้นำในการดูแลท้องทะเล ซึ่งหล่อเลี้ยงผู้คนนับล้านทั่วโลก”

สำหรับโครงการ Green Giving ไทยยูเนี่ยนได้ร่วมกับ UNDP หรือโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ และ Trash Lucky บริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติไทยซึ่งเป็นหนึ่งในสตาร์ทอัพที่เข้าร่วมโครงการสเปซ-เอฟ โครงการบ่มเพราะและเร่งการเติบโตทางธุรกิจให้กับสตารท์อัพฟู้ดเทคในประเทศไทย ที่ไทยยูเนี่ยนได้ร่วมก่อตั้ง โดยวัตถุประสงค์ของโครงการ Green Giving คือการนำขยะพลาสติกกลับมาผลิตเป็นเสื้อผ้าที่สามารถใช้สวมใส่ได้และผลิตภัณฑ์ชนิดอื่นๆ เช่น ชุด PPE ที่มีประโยชน์สำหรับกลุ่มคนเก็บขยะ และ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขด่านหน้า

ความร่วมมือจากพนักงานมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จในครั้งนี้ โดยขยะรีไซเคิลที่เก็บได้มีจำนวนถึง 2,300 กิโลกรัม ซึ่งมีขวดพลาสติก PET ที่สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้มากกว่า 500 กิโลกรัม ซึ่งขวดดังกล่าวได้นำมาอัพไซเคิลเป็นเสื้อผ้า และอุปกรณ์ จำนวน 300 ชุด และในแต่ละชุดประกอบด้วย เสื้อแจ็คเก็ค หมวก ผ้ากันเปื้อน และถุงมือ โดยบริษัทได้เริ่มบริจาคเสื้อผ้าเหล่านี้ให้กับคนเก็บขยะ เริ่มจากพื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานคร คนเก็บขยะมีรายได้จากการเก็บขยะที่สามารถรีไซเคิลขาย สำหรับขยะพลาสติกอื่นๆ ที่เก็บจากโรงงานของไทยยูเนี่ยนในจังหวัดสมุทรสาครนั้นถูกนำไปอัพไซเคิลเป็นชุด PPE จำนวน 1 พันชุดให้กับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขด่านหน้าที่ปฏิบัติงานในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19

เกี่ยวกับไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำด้านอาหารทะเลระดับโลกที่นำผลิตภัณฑ์อาหารทะเลคุณภาพสูง ดีต่อสุขภาพ อร่อย และสร้างสรรค์ มาสู่ลูกค้าทั่วโลกเป็นเวลากว่า 45 ปี

ปัจจุบัน ไทยยูเนี่ยนถือได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอาหารทะเลชั้นนำของโลก และเป็นหนึ่งในผู้ผลิตปลาทูน่าในบรรจุภัณฑ์ชนิดต่างๆที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีสูงกว่า 141,000 ล้านบาท (4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีพนักงานทั่วโลกรวมกันมากกว่า 44,000 คน ที่ทุ่มเทให้กับการคิดค้นผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่สร้างสรรค์และยั่งยืน

ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ OMG Meat, เบลลอตต้า และมาร์โว่ นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ส่วนประกอบอาหารและอาหารเสริมอย่าง UniQTMBONE, UniQTMDHA และ ZEAvita

จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบระดับโลก ไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาโดยตลอด จนส่งผลให้ไทยยูเนียนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่ 8 ปีติดต่อกัน โดยในปี 2564 ได้รับเลือกเป็นบริษัทอันดับ 2 ของกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหาร นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน