ไทยยูเนี่ยนแต่งตั้งนายโวล์เกอร์ บุทเทิ่ล ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร รูเก้น ฟิช

  • นายโวล์เกอร์ บุทเทิ่ล จะขึ้นดำรงตำแหน่งแทนนายเยนส์ โวเกลอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนปัจจุบันในวันที่ 9 พฤษภาคม 2565
  • นายโวล์เกอร์ บุทเทิ่ล ให้ความสำคัญด้านนวัตกรรมและผลการดำเนินงาน โดยจะร่วมมือกับไทยยูเนี่ยนยุโรปให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันพร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาด้วยนวัตกรรมมากยิ่งขึ้น

กรุงเทพมหานคร, 3 พฤษภาคม 2565 – ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2565 นายโวล์เกอร์ บุทเทิ่ล จะขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท รูเก้น ฟิช (Rügen Fisch) และบริษัทในเครือ และในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายโวล์เกอร์จะดูแลรับผิดชอบในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับรูเก้น ฟิช เพื่อเพิ่มศักยภาพและพร้อมแข่งขันในตลาด โดยการนำนวัตกรรมมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อนำเสนอให้กับผู้บริโภคในอนาคต และจะเดินหน้าผสานการทำงานของรูเก้น ฟิช เข้ากับไทยยูเนี่ยนเพื่อสร้างความร่วมมือ และได้รับประโยชน์สูงสุด

นายพอล รีแนน ประธานกรรมการ ไทยยูเนี่ยนยุโรป กล่าวว่า “คุณโวล์เกอร์มีประสบการณ์การทำงานหลายปีในตลาดค้าปลีกในประเทศเยอรมัน และยังให้ความสำคัญในเรื่องนวัตกรรม ประกอบกับมีแนวทางในการทำงานที่เน้นผลการดำเนินงานเป็นหลัก ทำให้เราเชื่อว่าคุณโวล์เกอร์จะนำความรู้ความสามารถมาบริหารให้ธุรกิจของไทยยูเนี่ยนในเยอรมันประสบความสำเร็จผ่านแบรนด์ต่างๆ ที่เป็นที่รู้จัก ได้แก่ รูเก้น ฟิช (Rügen Fisch) ฮาเวสต้า (Hawesta) อ็อสต์เซย์ฟิช (Ostsee Fisch) ไลเซลล์ (Lysell)

นายโวล์เกอร์ บุทเทิ่ล กล่าวว่า “ผมมุ่งมั่นที่จะสร้างอนาคตให้กับรูเก้น ฟิช ไปพร้อมกับบุคลากรที่มีความสามารถของบริษัท รวมถึงการขยายตลาดให้เติบโตต่อไป”

นายโวล์เกอร์ เคยเป็นผู้บริหารในส่วนการตลาดและการขายของบริษัท ฮันซา เฮียร์มานน์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มในประเทศเยอรมัน ก่อนหน้านั้นนายโวล์เกอร์เคยดูแลงานขายในประเทศและต่างประเทศของบริษัทคียูน และเคยร่วมงานกับบริษัท โคคาโคล่า และอพอลลินาริส แอนด์ ชเวปปส์ มาก่อน นอกจากนี้ นายโวล์เกอร์จะเข้าร่วมในคณะผู้บริหารของไทยยูเนี่ยนยุโรปด้วย

นายเยนส์ โวเกลอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร รูเก้น ฟิช คนปัจจุบันจะลาออกจากตำแหน่ง โดยตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารนั้น นายเยนส์ได้บริหารบริษัทและบริษัทในเครือได้อย่างดีเยี่ยมและประสบความสำเร็จในการวางรากฐานการทำงานร่วมกันระหว่างรูเก้น ฟิช และไทยยูเนี่ยนยุโรป นายเยนส์จะทำงานกับบริษัทจนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 เพื่อให้การปรับเปลี่ยนผู้บริหารในครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่น

รูเก้น ฟิช เป็นหนึ่งในผู้ผลิตอาหารทะเลบรรจุกระป๋องรายใหญ่ในประเทศเยอรมัน โดยมีผลิตภัณฑ์หลักคือปลาเฮอร์ริ่ง ปลาแม็คเคอเรล ปลาแซลมอนและทูน่า ทั้งแบบบรรจุกระป๋องและแช่เย็น จัดจำหน่ายไปยังห้างค้าปลีกชั้นนำทั่วประเทศเยอรมนีภายใต้แบรนด์หลักอย่างรู เก้น ฟิช (Rügen Fisch) ฮาเวสต้า (Hawesta) อ็อสต์เซย์ฟิช (Ostsee Fisch) ไลเซลล์ (Lysell) และแบรนด์โออีเอ็มอีกมากมาย ปัจจุบันรูเก้นฟิชมีพนักงานกว่า 600 คนกระจายอยู่ในโรงงานที่ทันสมัยที่สุดถึงสามแห่งในประเทศเยอรมนีและ ลิธัวเนีย

เกี่ยวกับไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำด้านอาหารทะเลระดับโลกที่นำผลิตภัณฑ์อาหารทะเลคุณภาพสูง ดีต่อสุขภาพ อร่อย และสร้างสรรค์ มาสู่ลูกค้าทั่วโลกเป็นเวลากว่า 45 ปี

ปัจจุบัน ไทยยูเนี่ยนถือได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอาหารทะเลชั้นนำของโลก และเป็นหนึ่งในผู้ผลิตปลาทูน่าในบรรจุภัณฑ์ชนิดต่างๆที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีสูงกว่า 141,000 ล้านบาท (4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีพนักงานทั่วโลกรวมกันมากกว่า 44,000 คน ที่ทุ่มเทให้กับการคิดค้นผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่สร้างสรรค์และยั่งยืน

ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ OMG Meat, เบลลอตต้า และมาร์โว่ นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ส่วนประกอบอาหารและอาหารเสริมอย่าง UniQ®BONE, UniQ®DHA และ ZEAvita

จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบระดับโลก ไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาโดยตลอด จนส่งผลให้ไทยยูเนียนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่ 8 ปีติดต่อกัน โดยในปี 2564 ได้รับเลือกเป็นบริษัทอันดับ 2 ของกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหาร นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน