ไทยยูเนี่ยนประสบความสำเร็จในการออกหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนครั้งแรกในประเทศไทย ตอกย้ำความมุ่งมั่นต่อการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน

กรุงเทพมหานคร – 21 กรกฎาคม 2564 – บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านอาหารทะเลระดับโลก ประสบความสำเร็จในการออกหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนเป็นครั้งแรกในประเทศไทย มูลค่า 5,000 ล้านบาท ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.47 % ต่อปี ให้กับผู้ลงทุนสถาบัน เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2564

การออกหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนในครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกในประเทศไทย หลังจากที่ไทยยูเนี่ยน ได้ออกสินเชื่อส่งเสริมความยั่งยืนเป็นครั้งแรกในประเทศไทยด้วยเช่นกันในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แสดงถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องต่อการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และเป็นก้าวสำคัญสำหรับ Blue Finance (การจัดหาเงินทุนสำหรับโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อมหาสมุทร – และอุตสาหกรรมอาหารทะเลโดยรวม)

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดอันดับความน่าเชื่อถือหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนนี้ อยู่ที่ระดับ “A+” แนวโน้ม “คงที่” เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2564 ซึ่งแสดงถึงสถานะทางการตลาดที่เข้มแข็งของไทยยูเนี่ยนในฐานะผู้ผลิตอาหารทะเลแปรรูปชั้นนำของโลกที่มีสถานะการเงินและธุรกิจที่แข็งแกร่งและมั่นคง โดยมีธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ และ เป็นที่ปรึกษาด้านโครงสร้างหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืนร่วมกับ MUFG Securities Asia Limited หนึ่งในบริษัทหลักทรัพย์ของกลุ่ม Mitsubishi UFJ Financial Group, Inc. (MUFG)

การเสนอขายหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนของบริษัทในครั้งนี้ มีจำนวนยอดจองซื้อมากกว่า 8,900 ล้านบาท หรือ มากกว่า 2.23 เท่า ทำให้บริษัทพิจารณาเพิ่มมูลค่าการออกหุ้นกู้จากที่วางแผนไว้ที่ 4,000 ล้านบาท เป็น 5,000 ล้านบาท ผลการตอบรับจากนักลงทุนที่ดีในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อธุรกิจและสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของไทยยูเนี่ยน รวมถึงความตั้งใจที่จะลงทุนในด้านความยั่งยืน

สำหรับหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนไม่เพียงแต่จะเป็นครั้งแรกในประเทศไทยแต่ยังเป็นครั้งแรกของโลก ที่มีลักษณะทางการเงินแบบ Step up/ Step down ซึ่งเป็นโครงสร้างแรกที่มีอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง ขึ้นอยู่กับความสำเร็จของการดำเนินงานสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืน โดยมีการเชื่อมโยงอัตราดอกเบี้ยของหุ้นกู้กับเป้าหมายด้านความยั่งยืน (Sustainability Performance Targets หรือ SPTs) ตาม 3 ประการหลัก ในปี 2566 และ ปี 2569 ประกอบด้วย SPT 1 คือ การขึ้นทะเบียนใน DJSI Emerging Markets และ ได้รับการจัดอันดับเป็น 10 บริษัทแรก (Top 10 companies) ของ DJSI Food Products Industry Index SPT 2 คือ การลดความเข้มข้นของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด ซึ่งรวมถึงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรง (Scope 1) และ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากการใช้พลังงาน (Scope 2) ให้ได้ร้อยละ 4 ต่อปี และ SPT 3 คือ การเพิ่มการตรวจสอบด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์ และ/หรือ มีผู้สังเกตการณ์ตรวจสอบบนเรือประมงปลาทูน่า โดยผู้ลงทุนในหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนของบริษัทในครั้งนี้จะมีโอกาสได้รับอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง ในปี 2566 และ ปี 2569 ทั้งนี้ บริษัทได้จัดให้มีการสอบทานจากภายนอกสำหรับการออกหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน โดย Sustainalytics ซึ่งเป็นผู้ชำนาญการอิสระ (Second Party Opinion) เพื่อทำการสอบทานและรับรองว่ากรอบการเสนอขายตราสารหนี้ส่งเสริมความยั่งยืนของบริษัท (Thai Union’s Sustainability-Linked Financing Framework) เป็นไปตามมาตรฐานสากล

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ไทยยูเนี่ยนให้ความสำคัญกับการทำงานด้านความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจมาโดยตลอด ซึ่งการออกหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญของนโยบายของบริษัท Healthy Living, Healthy Oceans ในการที่จะดูแลความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คนและความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเล ซึ่ง Blue Finance ครั้งนี้ ยังสะท้อนให้เห็นว่าเราสามารถร่วมกับภาคการเงินในการออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ช่วยให้เราสามารถอนุรักษ์ท้องทะเลได้อย่างต่อเนื่อง ไปพร้อมกับการผลิตสินค้าอาหารที่ดีมีคุณค่าต่อสุขภาพให้กับผู้บริโภคทั่วโลกไปพร้อมกัน”

“นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้กำหนดกรอบการเสนอขายตราสารหนี้ส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-Linked Financing Framework) ขึ้นเป็นครั้งแรก ตอกย้ำความมุ่งมั่นของไทยยูเนี่ยนในการขับเคลื่อนสู่การเป็น Blue Finance หรือการบริหารการเงินที่เกี่ยวข้องกับโครงการอนุรักษ์มหาสมุทรและเชื่อว่าการทำงานด้านความยั่งยืนจะต้องนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงให้กับอุตสาหกรรมโดยรวม”

ดร. ศรีกัญญา ยาทิพย์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือ กบข. กล่าวว่า “กบข. มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นหนึ่งในผู้ลงทุนในหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนที่ออกครั้งแรกในประเทศไทยโดยบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กบข. ได้ตระหนักถึงกิจกรรมและการดำเนินงานเพื่อความยั่งยืนของบริษัท ไทยยูเนี่ยน มาโดยตลอด และมีความยินดีที่จะเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งให้กับไทยยูเนี่ยน การลงทุนในครั้งนี้ตอกย้ำเป้าหมายของกบข. ในการเป็นผู้นำการลงทุนและส่งเสริมริเริ่มการลงทุนโดยคำนึงถึงปัจจัย ESG ในประเทศไทย กบข. เชื่อมั่นในปรัชญาความยั่งยืนและมีเป้าหมายที่จะเป็นกองทุนบำเหน็จบำนาญที่ยั่งยืน และสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับสมาชิก รวมถึงรับผิดชอบต่อสังคม”

“การลงทุนอย่างรับผิดชอบโดยให้ความสำคัญกับปัจจัยสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance Issues: ESG) เป็นกลยุทธ์ที่ดำเนินมาอย่างยาวนานของ กบข. ทั้งนี้ ในฐานะกองทุนบำเหน็จบำนาญ การลงทุนของเรามีระยะเวลายาวเพียงพอที่จะสร้างทั้งคุณค่าทางสังคมและมูลค่าเพิ่มทางการเงิน การสร้างคุณค่าทางสังคมไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นหน้าที่ของกบข. ซึ่ง กบข. มุ่งมั่นที่จะแนะนำแนวทางให้นักลงทุนในประเทศไทยสามารถนำกลยุทธ์การลงทุนอย่างยั่งยืนนี้มาใช้กันมากขึ้น”

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เมืองไทยประกันชีวิต มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการลงทุนในหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนครั้งแรกในประเทศไทยของไทยยูเนี่ยน ในครั้งนี้ อีกทั้งยังเป็นเครื่องสะท้อนสำคัญถึงพันธกิจหลักขององค์กร ที่มีความมุ่งมั่นและให้ความสำคัญกับการสร้างความยั่งยืนในระยะยาว พร้อมทั้งการเดินหน้านโยบายต่าง ๆ ด้วยความตั้งใจในการส่งมอบความสุข โดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ได้แก่ ลูกค้า พนักงาน พันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ถือหุ้น และสังคมในทุกด้าน เป็นต้น ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ ช่องทางการขายที่หลากหลาย ผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มได้อย่างเหมาะสม รวมไปถึงการดูแลสังคมเพื่อสร้างความยั่งยืนในด้านต่าง ๆ อย่างรอบด้าน”

“ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังได้ดำเนินการลงทุนโดยให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) เพื่อให้เกิดความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง เหมาะสมและสอดคล้องกับลักษณะธุรกิจประกันชีวิตที่มีความรับผิดชอบและภาระผูกพันในระยะยาวต่อผู้ถือกรมธรรม์ ขณะเดียวกัน ก็ต้องตอบสนองด้านความยั่งยืนต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม บริษัทฯ จึงได้ใช้แนวคิดการลงทุนอย่างยั่งยืนในการพิจารณาลงทุนตามความเหมาะสมแล้วจัดสรรเงินลงทุนเพื่อลงทุนในสินทรัพย์ที่สนับสนุนด้าน ESG อย่างต่อเนื่อง”

นายเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การออกหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวที่สำคัญบนเส้นทางสู่การธนาคารที่ยั่งยืนของกรุงศรี ความสำเร็จในการนำหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนออกสู่ตลาดทุนไทยตอกย้ำพันธกิจด้าน ESG และความมุ่งมั่นของธนาคารในการตอบสนองความต้องการทางการเงินของลูกค้า ควบคู่ไปกับการส่งเสริมและพัฒนาหุ้นกู้ให้เป็นสินทรัพย์ชั้นนำในประเทศไทย ด้วยการริเริ่มนวัตกรรมทางการเงินนี้ ไทยยูเนี่ยนสามารถตอบโจทย์ความต้องการทางการเงินเพื่อสร้างความเติบโตให้กับธุรกิจ พร้อมไปกับการขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่เป้าหมายในด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม”

“หุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนครั้งนี้ยังแสดงให้เห็นถึงการผสานพลังความร่วมมืออันแข็งแกร่งของกรุงศรีและ MUFG อย่างต่อเนื่อง โดยใช้ศักยภาพความพร้อมของทั้งสองสถาบันในการสนับสนุนและเชื่อมโยงทุกความต้องการของลูกค้าให้บรรลุเป้าหมายทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ”

นายริชาร์ด ยอร์ค กรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าฝ่ายลูกค้าบรรษัทและวาณิชธนกิจ เอเชียแปซิฟิก ธนาคาร เอ็มยูเอฟจี จำกัด (MUFG Bank) กล่าวว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับโอกาสในการร่วมงานกับไทยยูเนี่ยนอีกครั้ง ในการขับเคลื่อนธุรกิจระดับโลกสู่ความยั่งยืน การเสนอขายหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่สองที่ MUFG ได้ยกระดับความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ด้านการเงินในด้าน ESG สนับสนุนไทยยูเนี่ยน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ MUFG เพื่อนำไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนสำหรับลูกค้าและชุมชนของเรา”

“การออกหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนที่ประสบความสำเร็จนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถเข้าใจในลูกค้า ซึ่งเมื่อรวมกับความเชี่ยวชาญในเรื่อง ESG ของเครือข่าย MUFG และเครือข่ายการจัดจำหน่ายอันแข็งแกร่งทั้งในประเทศไทยและ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกแล้ว สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ MUFG เพิ่มมูลค่าที่สำคัญให้กับความมุ่งมั่นสู่ความยั่งยืนของไทยยูเนี่ยนได้ ขอแสดงความยินดีกับไทยยูเนี่ยนอีกครั้งสำหรับความสำเร็จครั้งนี้” นายริชาร์ด ยอร์ค ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับภูมิภาคส่วนงานตลาดทุนใน MUFG Securities Asia ด้วยกล่าวเสริม

เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลของโลก ซึ่ง ส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรม รสชาติดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีคุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคทั่วโลกมาเป็นเวลากว่า 40 ปี

วันนี้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลระดับโลก โดยเป็นหนึ่งในผู้ผลิตปลาทูน่าในบรรจุภัณฑ์ชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีมากกว่า 132,402 ล้านบาท (4.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีพนักงานทั่วโลกรวมกันมากกว่า 44,000 คน ซึ่งล้วนทุ่มเทเพื่อผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรมและมีความยั่งยืน

ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ เบลลอตต้า และมาร์โว่ รวมถึงผลิตภัณฑ์ส่วนประกอบอาหารและอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ได้แก่ UniQ™BONE, UniQ™DHA และ ZEAvita

จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบทั่วโลก ไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาโดยตลอด จนส่งผลให้ไทยยูเนียนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่มาตั้งแต่ปี 2557 และในปี 2562 ไทยยูเนี่ยนได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของ DJSI เป็นปีที่เจ็ดติดต่อกัน โดยได้รับเลือกเป็นบริษัทอันดับ 1 ของกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหารเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน และได้รับอีกหลากหลายรางวัลสำหรับการเป็นผู้นำในการทำงานด้านความยั่งยืน

เกี่ยวกับกรุงศรี

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) เป็นกลุ่มธุรกิจการเงินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของไทยด้านสินทรัพย์ สินเชื่อ และเงินฝาก และเป็นหนึ่งในห้าสถาบันการเงินที่มีความสำคัญเชิงระบบ (D-SIB) โดยดำเนินธุรกิจมานานถึง 76 ปี กรุงศรีเป็นบริษัทในเครือของมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) กลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในกลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดระดับโลก กลุ่มกรุงศรีให้บริการทางการเงินการธนาคารอย่างครบวงจร ทั้งในด้านสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค การลงทุน การบริหารจัดการกองทุน รวมทั้งผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินอันหลากหลายแก่กลุ่มลูกค้าบุคคล ลูกค้า SME และลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ ผ่านสาขาของธนาคารกว่า 656 สาขา (เป็นสาขาที่ให้บริการทางการเงินในรูปแบบปกติ 617 สาขาและสาขาที่ให้บริการเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ 39 สาขา) และช่องทางการขายกว่า 32,406 แห่งทั่วประเทศ นอกจากนี้ กรุงศรียังเป็นผู้ออกบัตรเครดิตรายใหญ่ที่สุดของประเทศ โดยมีจำนวนบัญชีบัตรเครดิตและสินเชื่อเพื่อการผ่อนชำระ/สินเชื่อส่วนบุคคลมากกว่า 9.6 ล้านบัญชี และเป็นผู้ให้บริการด้านสินเชื่อรถยนต์ชั้นนำ (กรุงศรี ออโต้) พร้อมทั้งมีบริษัทบริหารจัดการกองทุนที่มีอัตราเติบโตสูงที่สุดแห่งหนึ่ง (บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงศรี จำกัด) ทั้งยังเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้มีรายได้น้อย (บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน)) อีกด้วย

กรุงศรี มีพันธสัญญาในการดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์สุจริตอย่างสูงสุด ธนาคารและบริษัทในเครือได้ผ่านการรับรองการเป็นสมาชิกอย่างสมบูรณ์ของ “แนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านทุจริต” โดยมุ่งร่วมมือกับองค์กรชั้นนำในไทยและผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียของธนาคาร เพื่อให้การดำเนินธุรกิจปราศจากการทุจริตคอร์รัปชั่น

เกี่ยวกับมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG)

มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) เป็นหนึ่งในกลุ่มสถาบันทางการเงินชั้นนำระดับโลก มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ กรุงโตเกียว ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานในการดำเนินธุรกิจกว่า 360 ปี MUFG มีเครือข่ายสำนักงานกว่า 2,600 แห่ง ในกว่า 50 ประเทศทั่วโลกและมีพนักงานกว่า 180,000 คน MUFG นำเสนอบริการทางการเงินที่หลากหลายครอบคลุมทั้งธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ทรัสต์แบงก์กิ้ง ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจบัตรเครดิต ธุรกิจสินเชื่อเพื่อรายย่อย ธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธุรกิจเช่าซื้อ

MUFG มีเป้าหมายที่จะเป็น “กลุ่มสถาบันทางการเงินที่ได้รับความเชื่อถือมากที่สุดในโลก” ด้วยการผสานศักยภาพในการดำเนินธุรกิจเพื่อตอบสนองทุกความต้องการทางการเงินของลูกค้าโดยคำนึงถึงสังคมและการแบ่งปัน สู่ความเติบโตอย่างยั่งยืน MUFG จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ตลาดหลักทรัพย์นาโกยา และตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก

MUFG Bank เป็นธนาคารชั้นนำในประเทศญี่ปุ่น ด้วยเครือข่ายครอบคลุมในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก โดยในต่างประเทศ MUFG Bank นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ครอบคลุมทั้งในด้านธุรกิจและการลงทุนให้กับกลุ่มลูกค้าธุรกิจ ภาครัฐ และลูกค้ารายย่อยทั่วโลก

สำหรับในภูมิภาคเอเชีย MUFG Bank ให้บริการครอบคลุมในกว่า 20 ประเทศ ประกอบด้วย ออสเตรเลีย บังกลาเทศ กัมพูชา จีน ฮ่องกง อินโดนีเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ สปป.ลาว มาเลเซีย มองโกเลีย เมียนมา นิวซีแลนด์ ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ศรีลังกา ไต้หวัน ไทย และเวียดนาม

นอกจากนี้ MUFG Bank ยังได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับหลายธนาคารที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อให้สามารถนำเสนอบริการอย่างครอบคลุมผ่านเครือข่าย ซึ่งประกอบไปด้วย VietinBank ในเวียดนาม กรุงศรี ในไทย Security Bank ในฟิลิปปินส์ และ Bank Danamon ในอินโดนีเซีย

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ https://www.mufg.jp/english

ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

วิริยาภรณ์ โปษยานนท์

โทร: +66.99.154.1254

อีเมล์: Wiriyaporn.Posayanonda@thaiunion.com

จิรวัส มนตรีวงค์

โทร: +66.80.976.4613

อีเมล์: Jirawat.Montreevong@thaiunion.com

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)

ฝ่ายประชาสัมพันธ์

อีเมล: Krungsri.PR@krungsri.com