ไทยยูเนี่ยน ออกรายงานเพื่อความยั่งยืนประจำปี ฉบับที่ 8

แสดงถึงพันธกิจระยะยาวของบริษัทต่อเรื่องความโปร่งใสในการดำเนินงานทั้งหมด และข้อมูลความก้าวหน้าตลอดระยะเวลา 5 ปีของบริษัทภายใต้กลยุทธ์ SeaChange®
หรือกลยุทธ์ความยั่งยืนของบริษัท

กรุงเทพฯ – 25 พฤษภาคม 2564 – บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เผยแพร่รายงานเพื่อความยั่งยืนประจำปี ฉบับที่ 8 โดยมีรายละเอียดการดำเนินงานที่ต่อเนื่องเพื่อขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกทั้งอุตสาหกรรมอาหารทะเลของโลก แม้จะมีความท้าทายในเรื่องการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19

รายงานเพื่อความยั่งยืนประจำปี 2564 แสดงให้เห็นถึงพันธกิจระยะยาวของบริษัทต่อเรื่องความโปร่งใสในการดำเนินงานทั้งหมดและนำเสนอข้อมูลเชิงลึกของผลการดำเนินงานประจำปีของบริษัทเทียบกับตัวชี้วัดหลักและเป้าหมายที่ตั้งไว้ในกลยุทธ์ความยั่งยืนทั่วโลกของบริษัท หรือที่เรียกว่า กลยุทธ์ SeaChange®

“ในปี 2563 โลกเผชิญกับความท้าทายที่ไม่เคยมีมาก่อน จากโควิด 19 ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ไม่ได้เกิดขึ้นกับการดำเนินธุรกิจเท่านั้น แต่ยังมีผลต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนทั่วโลกอีกด้วย” นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป กล่าว “ผมมีความภูมิใจอย่างมากต่อการปรับตัวของพนักงานไทยยูเนี่ยนที่ทำให้บริษัทสามารถก้าวไปข้างหน้า และยังคงยึดมั่นที่จะดำเนินตามพันธกิจของเราอย่างต่อเนื่องเพื่อนำการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกมาสู่อุตสาหกรรมอาหารทะเลทั้งหมด”

รายงานเพื่อความยั่งยืนปี 2564 นี้ มีรายละเอียดเกี่ยวกับงานสำคัญที่บริษัทได้ดำเนินการในช่วงระหว่างปี และความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องของแผนงานหลักทั้ง 4 แผนงานภายใต้กลยุทธ์ SeaChange® ได้แก่ แรงงานปลอดภัยและแรงงานที่ถูกกฎหมาย การจัดหาวัตถุดิบด้วยความรับผิดชอบ การดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบ และผู้คนและชุมชน

“แม้ว่า โควิด 19 จะทำให้ปี 2563 เป็นปีที่ท้าทายมากปีหนึ่ง แต่ความท้าทายนี้ก็มาพร้อมกับโอกาส ซึ่งดิฉันมีความภุมิใจอย่างมากที่เราประสบความสำเร็จในการก้าวไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของเรา ขณะเดียวกันเรายังสนับสนุนพนักงานของเราและผู้ที่ทำงานในห่วงโซ่อุปทานของเราทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง” ดร. แดเรี่ยน แมคเบน ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมกิจการองค์กรและความยั่งยืนของไทยยูเนี่ยน กล่าว “แม้จะมีข้อจำกัดจากการแพร่ระบาด แต่เรายังคงมุ่งให้ความสำคัญเรื่องความโปร่งใส การทำงานร่วมกัน และการเปลี่ยนแปลงอาหารทะเลให้ดีขึ้น ปี 2563 เป็นปีที่ครบ 5 ปีของการดำเนินกลยุทธ์ SeaChange และปีนี้เราจะประกาศเป้าหมายใหม่ที่ท้าทายที่เราจะดำเนินต่อไปในปี 2568”

นอกจากนี้ ในรายงานดังกล่าวยังนำเสนอข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับความก้าวหน้าในระยะเวลา 5 ปีของบริษัทในการทำงานให้เป็นไปตามกลยุทธ์ SeaChange® ได้แก่ พันธกิจด้านปลาทูน่า และวิธีทำงานเพื่อให้โครงการตรวจสอบแนวทางการปฏิบัติด้านแรงงานบนเรือประมง (Vessel Code of Conduct: VCoC) มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องในช่วงที่มีข้อจำกัดในเรื่องของการเดินทาง และการลดการจัดประชุมพบปะแบบตัวต่อตัวอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ทั่วโลก

ในปี 2563 ไทยยูเนี่ยนยังคงพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นบริษัทที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น ในรายงานฉบับนี้ ไทยยูเนี่ยนได้แสดงให้เห็นความสำเร็จบางส่วนของการทำงานเช่น การเป็นผู้ผลิตอาหารรายแรกและเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยรายแรกที่เข้าร่วมโครงการ EP100 ซึ่งเป็นข้อริเริ่มเรื่องการใช้พลังงานอย่างชาญฉลาดขององค์กร Climate Group โดยมุ่งเป้าในการลดการใช้น้ำและลดของเสียฝังกลบ การทำงานเพื่อมุ่งสู่พันธกิจด้านบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน โดยมีเป้าหมายว่า ภายในปี 2568 บรรจุภัณฑ์ที่ใช้ในแบรนด์ของเราทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์จะสามารถนำมาใช้ซ้ำ นำกลับมาใช้ใหม่ หรือสามารถย่อยสลายได้ และการทำงานร่วมกับองค์กรที่มีความคล้ายคลึงกันอย่างต่อเนื่องเช่น องค์การนอกภาครัฐ ภาคประชาสังคม และบริษัทอื่นๆ เพื่อหาหนทางที่ดีที่สุดในการบรรลุเป้าหมาย และยังเปิดตัวโครงการ “Tell Us” เพื่อเสริมสร้างกลไกการรับฟังเสียงของพนักงานในโรงงานแปรรูปหลักที่สำคัญของเราในประเทศไทย และการทำงานร่วมกับคู่ค้าอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันเพื่อเกิดการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

เมื่อปีที่ผ่านมา ความพยายามด้านความยั่งยืนของไทยยูเนี่ยนยังได้รับการยอมรับด้วยการที่บริษัทได้รับรางวัล SDG Impact Award จากงาน Reuters Responsible Business Awards การได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิกในดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ เป็นเวลา 7 ปีติดต่อกันและได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับ 2 ในกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหารของโลก และการได้รับรางวัลองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชนประเภทดีเด่น ประจำปี 2563 โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม

ไทยยูเนี่ยนยังคงจัดทำรายงานเพื่อความยั่งยืนให้มีมีความยั่งยืนมากขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยการจัดทำในรูปแบบดิจิทัล นำเสนอในรูปแบบของ PDF ออนไลน์ทำให้สามารถเข้าถึงผู้อ่านได้กว้างขึ้น รายงานฉบับนี้จัดทำขึ้นตามมาตรฐานการรายงานความยั่งยืนของ Global Reporting Initiative (GRI) แบบทางเลือกหลัก และแนวทางการเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับกลุ่มธุรกิจอาหาร (Food Processing Sector Supplement: FPSS)

ไทยยูเนี่ยนเข้าร่วมใน United Nations Global Compact (UNGC) และรายงานเพื่อความยั่งยืนฉบับนี้เป็นการสื่อสารความก้าวหน้าประจำปี (Communication on Progress: COP) ของไทยยูเนี่ยนต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย นอกจากนี้ยังมีการรายงานกิจกรรมสำคัญของไทยยูเนี่ยนที่มีต่อความรับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมภายใต้เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (United Nations Sustainable Development Goals: UN SDGs) และเป็นครั้งแรกที่มีการรวมเนื้อหาของดัชนี SDG เข้าไปด้วย

รายงานเพื่อความยั่งยืนประจำปี 2563 นี้สามารถดาวน์โหลดได้จากลิงค์ ที่นี่

###

เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลของโลก ซึ่ง ส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรม รสชาติดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีคุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคทั่วโลกมาเป็นเวลากว่า 40 ปี วันนี้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลระดับโลก โดยเป็นหนึ่งในผู้ผลิตปลาทูน่าในบรรจุภัณฑ์ชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีมากกว่า 126,275 ล้านบาท (4.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีพนักงานทั่วโลกรวมกันมากกว่า 44,000 คน ซึ่งล้วนทุ่มเทเพื่อผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรมและมีความยั่งยืน ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John

West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ เบลลอตต้า และมาร์โว่

จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบทั่วโลก ไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาโดยตลอด จนส่งผลให้ไทยยูเนียนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่มาตั้งแต่ปี 2557 และในปี 2562 ไทยยูเนี่ยนได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของ DJSI เป็นปีที่เจ็ดติดต่อกัน โดยได้รับเลือกเป็นบริษัทอันดับ 1 ของกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหารเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน และได้รับอีกหลากหลายรางวัลสำหรับการเป็นผู้นำในการทำงานด้านความยั่งยืน