ไทยยูเนี่ยนเข้าลงทุนในธรรมชาติซีฟู้ด รีเทล 65%

บรรยายภาพ: ไทยยูเนี่ยนเข้าลงทุนในธรรมชาติซีฟู้ รีเทล เพิ่มเป็น 65 เปอร์เซ็นต์ ตามแผนการลงทุน

13 ธันวาคม 2562, กรุงเทพฯ – บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ขยายธุรกิจค้าปลีกอาหารทะเลในประเทศไทย โดยเพิ่มการถือหุ้นในธรรมชาติซีฟู้ด รีเทล เป็น 65 เปอร์เซ็นต์

ในปี 2561 ไทยยูเนี่ยนได้ลงทุนในธรรมชาติซีฟู้ด รีเทล 25.1 เปอร์เซ็นต์ และในปีนี้ได้เพิ่มการถือหุ้นอีก 39.9 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งสิ้น 65 เปอร์เซ็นต์ตามแผนการลงทุน

นายฤทธิรงค์ บุญมีโชติ ประธานกรรมการบริหารกลุ่มธุรกิจอาหารแช่แข็งและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า

“ไทยยูเนี่ยนได้ตัดสินใจเข้าลงทุนในธรรมชาติซีฟู้ด รีเทล โดยความร่วมมือทางธุรกิจครั้งนี้จะผสานจุดแข็งของทั้งสองบริษัทได้เป็นอย่างดี ด้วยความเชี่ยวชาญของไทยยูเนี่ยนในด้านอาหารทะเลแช่แข็งและ food service ผนึกกำลังกับทีมธรรมชาติซีฟู้ดที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการตลาดและแบรนด์จะช่วยให้บริษัทบรรลุเป้าหมายในการขยายธุรกิจทั้งในประเทศและไปสู่ตลาดต่างประเทศ เช่น ลาว เขมร และจีน เป็นต้น นอกจากนี้ ผู้บริหารและทีมงานของธรรมชาติ ซีฟู้ด ยังมีความสามารถและประสบการณ์ในการทำธุรกิจค้าปลีกอาหารสด ตลอดจนการทำแบรนด์อาหารทะเลระดับพรีเมียมมามากกว่า 10 ปี ซึ่งนอกจากธุรกิจเดิมของธรรมชาติ ซีฟู้ดแล้ว ทีมบริหารของธรรมชาติ ซีฟู้ด จะนำความเชียวชาญด้านแบรนด์มาช่วยเสริมทัพผลิตภัณฑ์อาหารทะเลของไทยยูเนี่ยนภายใต้แบรนด์คิวเฟรช ไปยังตลาดผู้บริโภคและตลาดคู่ค้า ทำให้เราเข้าถึงผู้บริโภคในทุกๆ ตลาดได้อย่างครอบคลุม”

นายจูเลียน จี เดวี่ส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธรรมชาติซีฟู้ด กล่าวว่า

“ธรรมชาติซีฟู้ดให้บริการจัดการอย่างมืออาชีพด้านเคาน์เตอร์อาหารทะเลแก่ผู้ประกอบการค้าปลีกของไทย โดยมีเคาน์เตอร์อาหารทะเลให้บริการสินค้าทั้งแบบสดและแบบแช่แข็ง 190 แห่งในประเทศไทย ซึ่งรวมถึงกลุ่มร้านอาหารและเครื่องดื่ม โดยมีแนวคิด 4 รูปแบบ คือ เดอะ ดอค ซีฟู้ดบาร์, เดอะ ล็อบสเตอร์ แล็บ, ซีฟู้ด มหานคร และเดอะ โอเชียน บาร์ ซึ่งมี 18 สาขา เรายังได้ตั้งหน่วยธุรกิจใหม่ที่มุ่งเน้นการให้บริการอาหารทะเลให้กับธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารชั้นนำ ตลอดจนร้านอาหารมิชลินสตาร์หลายแห่งในกรุงเทพฯ นอกจากนี้ เรายังได้เปิดคลังสินค้าที่มีครัวกลาง มีเชฟเทเบิล อุปกรณ์ผลิตและจัดเก็บอาหาร เพื่อช่วยตอบโจทย์วิสัยทัศน์ในการเป็นโซลูชั่นด้านอาหารทะเลให้กับลูกค้า การร่วมมือทางธุรกิจกับไทยยูเนี่ยนจะช่วยให้เราก้าวถึงเป้าหมายในการเป็นที่หนึ่งสำหรับลูกค้าในด้านอาหารทะเล”

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับธรรมชาติ ซีฟู้ดและคิวเฟรส ท่านสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่
https://www.thammachartseafood.com/ และ http://www.qfreshshop.com/

เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลของโลก ซึ่ง ส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรม รสชาติดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีคุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคทั่วโลกมาเป็นเวลากว่า 40 ปี

วันนี้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าบรรจุภาชนะชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีมากกว่า 1.33 แสนล้านบาท (4.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีพนักงานทั่วโลกรวมกันมากกว่า 47,000 คน ซึ่งล้วนทุ่มเทเพื่อผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรมและมีความยั่งยืน

ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ เบลลอตต้า และมาร์โว่

จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบทั่วโลก ไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาโดยตลอด ทำให้ในปี 2561 และ 2562 ไทยยูเนี่ยนได้เป็นผู้นำอันดับ 1 กลุ่มอุตสาหกรรมของโลกใน Food Industry ในดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ และประสบความสำเร็จในการได้รับคะแนนเปอร์เซ็นไทล์สูงสุดที่ 100 ในคะแนนด้านความยั่งยืนทั้งหมด ปัจจุบันไทยยูเนี่ยนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ เป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index ในปี 2561 อีกด้วย