สเปซ-เอฟ อวดผลงาน 23 สตาร์ทอัพ โชว์นวัตกรรมอาหารแก่นักลงทุน

บรรยายภาพ: สตาร์ทอัพในโครงการสเปซ-เอฟ โชว์ผลงานนวัตกรรมในงานพบปะนักลงทุนเป็นครั้งแรก

16 ธันวาคม 2562, กรุงเทพฯ – โครงการบ่มเพาะและสนับสนุนเทคโนโลยีอาหารโครงการแรกในประเทศไทย หรือ “สเปซ-เอฟ” จัดงานพบปะนักลงุทนเป็นครั้งแรกให้กับ 23 บริษัทสตาร์ทอัพ โดยปีนี้มีสตาร์ทอัพจากประเทศเยอรมัน อินเดีย นอร์เวย์ สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกาและประเทศไทย ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมในอุตสาหกรรมอาหาร ภายในงาน แต่ละบริษัทได้มีโอกาสแนะนำบริษัทและพบปะกับผู้บริหารจากไทยยูเนี่ยนและนักลงทุนที่ได้รับเชิญเข้าร่วมงาน

ดร.ธัญญวัฒน์ เกษมสุวรรณ ผู้อำนวยการกลุ่มด้านนวัตกรรม บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า

“ในฐานะผู้ผลิตอาหารทะเลระดับโลกที่มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรม ไทยยูเนี่ยนได้ร่วมกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติและมหาวิทยาลัยมหิดลตั้งโครงการสเปซ-เอฟ ให้เป็นแพลตฟอร์มที่ทุกฝ่ายจะนำความรู้ความเชี่ยวชาญมาช่วยกันสนับสนุนสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีอาหาร”

สเปซ-เอฟเป็นโครงการพัฒนาสตาร์ทอัพด้านอาหารในระดับนานาชาติที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยสตาร์ทอัพจะมีพื้นที่ทำงานและได้รับความรู้ในด้านต่างๆ ในการพัฒนาต่อยอด ความร่วมมือระหว่างไทยยูเนี่ยน สำนักนวัตกรรมแห่งชาติ และมหาวิทยาลัยมหิดลครั้งนี้ เปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพเข้าร่วมโครงการในสาขาต่างๆ ได้แก่ อาหารเพื่อสุขภาพ โปรตีนทางเลือก กระบวนการผลิตอาหารอัจฉริยะ บรรจุภัณฑ์แห่งอนาคต วัตถุดิบและส่วนผสมอาหารใหม่ๆ วัสดุชีวภาพและสารเคมี เทคโนโลยีการบริหารจัดการร้านอาหาร การตรวจสอบควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยของอาหาร และบริการอัจฉริยะด้านอาหาร

นายยอร์ก ไอร์เล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า

“ไทยยูเนี่ยนตระหนักดีว่านวัตกรรมเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจเราในอนาคต บริษัทจึงได้ลงทุนด้านนวัตกรรมเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และขั้นตอนการผลิตเพื่อตอบสนองความพึงพอใจของผู้บริโภค และเราได้เห็นว่าหลายครั้งความคิดใหม่ๆ นั้นมาจากคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถและปรับตัวได้รวดเร็วทำให้สามารถล้มแล้วลุกขึ้นสู้ต่อได้ บริษัทภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับภาครัฐและมหาวิทยาลัยมหิดลก่อตั้งสเปซ-เอฟขึ้นมา”

โครงการสเปซ-เอฟนับเป็นสื่อกลางที่รวบรวมทั้งข้อมูลความรู้ แหล่งทุน ทั้งจากภาคเอกชน มหาวิทยาลัยและภาครัฐ ในการพัฒนาสตาร์ทอัพด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีอาหารชั้นสูงได้อย่างรวดเร็วและช่วยเสริมศักยภาพให้กับสตาร์ทอัพที่เข้าร่วมโครงการได้บ่มเพาะและต่อยอดธุรกิจขึ้นในตลาดระดับโลก

เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลของโลก ซึ่ง ส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรม รสชาติดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีคุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคทั่วโลกมาเป็นเวลากว่า 40 ปี

วันนี้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าบรรจุภาชนะชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีมากกว่า 1.33 แสนล้านบาท (4.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีพนักงานทั่วโลกรวมกันมากกว่า 47,000 คน ซึ่งล้วนทุ่มเทเพื่อผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรมและมีความยั่งยืน

ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ เบลลอตต้า และมาร์โว่

จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบทั่วโลก ไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาโดยตลอด ทำให้ในปี 2561 และ 2562 ไทยยูเนี่ยนได้เป็นผู้นำอันดับ 1 กลุ่มอุตสาหกรรมของโลกใน Food Industry ในดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ และประสบความสำเร็จในการได้รับคะแนนเปอร์เซ็นไทล์สูงสุดที่ 100 ในคะแนนด้านความยั่งยืนทั้งหมด ปัจจุบันไทยยูเนี่ยนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ เป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index ในปี 2561 อีกด้วย