ไทยยูเนี่ยนเข้าลงทุนเชิงกลยุทธ์ใน อีเจียร์ ซีฟู้ด ผู้ผลิตตับปลาคอดชั้นนำจากประเทศไอซ์แลนซ์

  • การเข้าลงทุนเชิงกลยุทธ์ใน อีเจียร์ ซีฟู้ด จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับคิง ออสการ์ ในตลาดธุรกิจตับปลาคอด
  • ธุรกิจตับปลาคอดภายใต้แบรนด์คิง ออสการ์ จะเติบโตมากขึ้นจากการลงทุนในครั้งนี้

บรรยายภาพ: นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

5 ธันวาคม 2562, กรุงเทพฯ – บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ประกาศวันนี้ว่าบริษัทจะเข้าลงทุนเชิงกลยุทธ์ในบริษัท อีเจียร์ ซีฟู้ด หนึ่งในผู้นำการผลิตตับปลาคอดจากประเทศไอซ์แลนด์

การลงทุนในครั้งจะสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจตับปลาคอดของไทยยูเนี่ยนภายใต้แบรนด์คิง ออสการ์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตตับปลาคอด ซาร์ดีน และแมคเคอเรล ที่ตั้งอยู่ในประเทศนอร์เวย์

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า

“บริษัท อีเจียร์ มีชื่อเสียงในด้านการผลิตตับปลาคอดคุณภาพเยี่ยมมาอย่างยาวนานกว่า 25 ปี การลงทุนเชิงกลยุทธ์ในอีเจียร์ครั้งนี้จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับคิง ออสการ์ ทั้งในแง่ของความสามารถในการผลิตการวางตลาด และการจัดหาวัตถุดิบผลิตภัณฑ์ ด้วยโรงงานในประเทศไอซ์แลนด์ของอีเจียร์”

บริษัท อีเจียร์ จัดหาปลาคอดจาก Icelandic Responsible Fisheries ซึ่งเป็นโครงการการจัดทำประมงอย่างมีความรับผิดชอบในประเทศไอซ์แลนด์ และผลิตภัณฑ์ของบริษัทยังได้รับการรับรองจาก Marine Stewardship Council หรือ MSC ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับโลกในแวดลงผู้เชี่ยวชาญว่าเป็นเครื่องยืนยันความยั่งยืนของอาหารทะเลที่ดีที่สุด

การลงทุนครั้งนี้จะมีบทบาทสำคัญเชิงกลยุทธ์ต่อการเติบโตทางธุรกิจของคิง ออสการ์ และจะช่วยให้คิง ออสการ์ ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดตับปลาคอดในกระป๋อง

คิง ออสการ์ นับเป็นแบรนด์ที่มีเข้มแข็งมากว่า 140 ปี และยังเป็นบริษัทชั้นนำที่จำหน่ายสินค้าทั้งในประเทศนอร์เวย์ สหรัฐอเมริกา โปแลนด์ เบลเยี่ยม และออสเตรเลีย ไทยยูเนี่ยนได้เข้าซื้อกิจการคิง ออสการ์ ในปี 2557

เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลของโลก ซึ่ง ส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรม รสชาติดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีคุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคทั่วโลกมาเป็นเวลากว่า 40 ปี

วันนี้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำด้านอาหารทะเลระดับโลก มีทั้งผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแปรรูป อาหารทะเลแช่แช็งและแช่เย็น นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงและธุรกิจผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่าอื่นๆ ไทยยูเนี่ยนเป็นผู้ผลิตปลาทูน่าบรรจุภาชนะชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีมากกว่า 1.33 แสนล้านบาท (4.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีพนักงานทั่วโลกรวมกันมากกว่า 47,000 คน ซึ่งล้วนทุ่มเทเพื่อผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรมและมีความยั่งยืน

ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ เบลลอตต้า และมาร์โว่

จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบทั่วโลก ไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาโดยตลอด ทำให้ในปี 2561 และ 2562 ไทยยูเนี่ยนได้เป็นผู้นำอันดับ 1 กลุ่มอุตสาหกรรมของโลกใน Food Industry ในดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ และประสบความสำเร็จในการได้รับคะแนนเปอร์เซ็นไทล์สูงสุดที่ 100 ในคะแนนด้านความยั่งยืนทั้งหมด ปัจจุบันไทยยูเนี่ยนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ เป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index ในปี 2561 อีกด้วย