ไทยยูเนี่ยนและคาลิสต้าเปิดตัวเนื้อกุ้ง ที่เลี้ยงด้วยอาหารกุ้งโปรตีนทางเลือกเป็นครั้งแรกของโลก

บรรยายภาพ: มร.อลัน เลอบลองค์ รองประธานกรรมการ บริษัทคาลิสตา และผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ ฟีดไคนด์ โปรตีน, เทรซี แคมบริจด์ ผู้อำนวยการฝ่ายการจัดหาวัตถุดิบด้วยความรับผิดชอบ ในภูมิภาคยุโรป, เชฟสตีเฟ่น พาเกน ไนท, มร. อลัน ชอว์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทคาลิสตา และ มร.สก๊อต โซล่าร์ ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจบริการด้านอาหาร และพัฒนาสูตรอาหาร บริษัทไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป

โปรตีนที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้และตอบโจทย์ด้านความยั่งยืนในอุตสาหกรรมอาหารเลี้ยงกุ้ง

เมนโล ปาร์ค แคลิฟอร์เนีย วันพุธที่ 8 พฤษภาคม 2019 - คาลิสตา บริษัทผู้ผลิตอาหารสัตว์โปรตีนทางเลือกชั้นนำ ได้จับมือกับบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดตัวเนื้อกุ้งจากฟาร์มที่เลี้ยงด้วยอาหารสัตว์โปรตีนผลิตจากก๊าซธรรมชาติ

ผู้เข้าชมงานบรัสเซลส์ ซีฟู้ด เอ็กซ์โป ในวันนี้จะได้ชิมเนื้อกุ้งผัดที่เลี้ยงด้วย "ฟีดไคนด์ โปรตีน" อาหารสัตว์ที่บริษัทคาลิสตาได้คิดค้นขึ้นเพื่อตอบโจทย์ด้านความยั่งยืน สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้

อาหารเลี้ยงกุ้งที่เป็นโปรตีนทางเลือกนี้จะเพิ่มโอกาสให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค โดยคำนึงถึงทรัพยากรของโลกมากขึ้น แทนที่จะใช้อาหารโปรตีนเลี้ยงกุ้งที่ทำจากปลาที่จับมาเพื่อทำอาหารกุ้งโดยเฉพาะ

ดร. อลัน ชอว์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาลิสตา กล่าวว่า "ไทยยูเนี่ยนเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอาหารทะเลรายใหญ่ของโลก ซึ่งมีความมุ่งมั่นเช่นเดียวกับคาลิสตาในการพัฒนาด้านความยั่งยืนและการตรวจสอบย้อนกลับได้ให้กับอุตสาหกรรมการเลี้ยงกุ้ง ทำให้ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญของธุรกิจอาหารทะเล

บริษัท คาลิสตา มีเป้าหมายที่จะสร้างความมั่นคงด้านอาหารให้กับประชากรโลกในอนาคต การเปิดตัวอาหารสัตว์ที่เป็นโปรตีนทางเลือกนี้ ยังได้ทดลองใช้เลี้ยงกุ้งแล้วจริง ทำให้ยกระดับความโปร่งใสให้กับวงการอุตสาหกรรมอาหารไปอีกขั้นหนึ่ง"

บรรยายภาพ: น.ส. จิราภัทร เจริญวุฒิธรรม ลองชิมเนื้อกุ้งที่เลี้ยงด้วย "ฟีดไคนด์ โปรตีน"

กุ้งที่เสิร์ฟในงานบรัสเซลส์ ซีฟู้ด เอ็กซ์โป นี้เลี้ยงด้วย ฟีดไคนด์ โปรตีน และสารอาหารจากปลาทูน่าของไทยยูเนี่ยน

ดร.แดเรียน แมคเบน ผู้อำนวยการกลุ่ม ส่งเสริมกิจการองค์กรและความยั่งยืน บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเป็นหัวใจในการจัดหาโปรตีนให้กับประชากรโลกที่กำลังเพิ่มขึ้น การจัดหาและผลิตอาหารเลี้ยงสัดว์น้ำอย่างยั่งยืนจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ

ไทยยูเนี่ยนดำเนินนโยบายตามกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® เราจึงมองหาวิธีการใหม่ๆ ที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์ของเราสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้และมีความยั่งยืน เพื่อนำเสนอแต่ตลาดและผู้บริโภค การทำงานกับคาลิสตา ทำให้เราสามารถผลิตกุ้งที่เลี้ยงด้วยอาหารโปรตีนทางเลือก แทนที่การใช้อาหารสัตว์ที่ผลิตจากปลา โปรตีนชนิดนี้มีคุณลักษณะทางคาร์บอนที่เป็นเอกลักษณ์จึงทำให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ และลดการบิดเบือนข้อมูลอาหารต่อผู้บริโภค นับเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง"

การประมงเพื่อการจัดหาวัตถุดิบในการทำอาหารสัตว์มักมีประเด็นด้านความยั่งยืน โดยเฉพาะการจับปลาอย่างผิดกฎหมาย ขัดกับหลักไอยูยู มีการจัดการที่ไม่ถูกต้อง และมีการใช้แรงงานที่ขัดกับหลักสิทธิมนุษยชน การกำจัดสัดส่วนของสิ่งนี้เพื่อการผลิตอาหารเลี้ยงกุ้งออกไป นอกเหนือจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหลือจากการผลิตปลาทูน่าเพื่อการบริโภค ซึ่งเป็นปลาทูน่าที่ตรวจสอบย้อนกลับได้ทั้งหมดแล้ว นับเป็นก้าวกระโดดของการผลิตเนื้อกุ้งเพื่อการบริโภคอย่างยั่งยืนอีกก้าวหนึ่ง

"ฟีดไคนด์ โปรตีน" ของคาลิสตาผลิตจากจุลินทรีย์ที่เกิดจากกระบวนการหมักของก๊าซธรรมชาติซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมาก เป็นขั้นตอนที่ใช้ที่ดินและน้ำเพียงเล็กน้อย อีกทั้งยังประหยัด มีสารอาหารครบถ้วน ตรวจสอบย้อนกลับได้ และมีราคาที่แข่งขันในตลาดได้ ทำให้ความเป็นไปได้เชิงพาณิชย์

ข้อมูลเพิ่มเติมโปรดติดต่อ

วิริยาภรณ์ โปษยานนท์ อีเมล์ wiryaporn.posayanonda@thaiunion.com โทร +66.63.231.0385

เกี่ยวกับ คาลิสตา

คาลิสตา เมนโล ปาร์ค แคลิฟอร์เนีย เป็นผู้คิดค้นผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนเพื่อพัฒนาความมั่นคงด้านอาหารของโลก คาลิสตาพัฒนาและทำธุรกิจ "ฟีดไคนด์ โปรตีน" อาหารสัตว์โปรตีนทางเลือกสำหรับปลา ปศุสัตว์และอาหารสัตว์เลี้ยง

เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลของโลก ซึ่ง ส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรม รสชาติดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีคุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคทั่วโลกมาเป็นเวลาเกือบ 40 ปี

วันนี้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าบรรจุภาชนะชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีมากกว่า 133.3 แสนล้านบาท (4.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีพนักงานทั่วโลกรวมกันมากกว่า 47,000 คน ซึ่งล้วนทุ่มเทเพื่อผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรมและมีความยั่งยืน

ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ เบลลอตต้า และมาร์โว่

จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบทั่วโลก ไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาโดยตลอด จนส่งผลให้ไทยยูเนียนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่มาตั้งแต่ปี 2557 และในปี 2561 ไทยยูเนี่ยนได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของ DJSI เป็นปีที่ห้าติดต่อกัน โดยได้รับเลือกเป็นบริษัทอันดับ 1 ของกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหาร นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index และได้รับอีกหลากหลายรางวัลสำหรับการเป็นผู้นำในการทำงานด้านความยั่งยืน