ไทยยูเนี่ยน ประกาศจับมือกับกับองค์กรการประมงเพื่อความยั่งยืน SFP

กรุงเทพมหานคร – 14 มีนาคม 2565 – บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับองค์กรการประมงเพื่อความยั่งยืน Sustainable Fisheries Partnership (SFP) เพื่อเดินหน้าพัฒนาความโปร่งใสในห่วงโซ่อุปทานของบริษัทและขับเคลื่อนการพัฒนาดังกล่าวไปยังอุตสาหกรรมอาหารทะเลต่อไป

ข้อตกลงกับ SFP จะมุ่งเน้นไปที่เรื่องระบบนิเวศทางทะเลและสัตว์น้ำที่อุดมสมบูรณ์ รวมถึงการจัดหาอาหารทะเลที่ปลอดภัยจากการสร้างเศรษฐกิจที่มีความรับผิดชอบในอุตสาหกรรมอาหารทะเล โดยจะมีการตรวจสอบห่วงโซ่อุปทานของไทยยูเนี่ยนอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ไทยยูเนี่ยนจะยังคงเข้าร่วมการประชุมกับ SFP ในประเด็นที่มีความสำคัญต่อห่วงโซ่อุปทานของบริษัท

ในปัจจุบัน SFP มีบริษัทต่างๆ ที่ร่วมเป็นพันธมิตรในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในการทำประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำด้วยพัฒนาห่วงโซ่อุปทานเดิมที่มีอยู่ การร่วมมือของ SFP และไทยยูเนี่ยนจะช่วยขยายการทำงานในด้านดังกล่าว ในฐานะที่ไทยยูเนี่ยนเป็นตัวอย่างของบริษัทอาหารทะเลชั้นนำที่ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจัง

การเป็นพันธมิตรร่วมกับ SFP จะทำให้ไทยยูเนี่ยนสามารถเข้าร่วมในโครงการเปิดเผยข้อมูลเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเล (Ocean Disclosure Projects: ODP) ได้อย่างต่อเนื่อง โดยจะมีการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะถึงข้อมูลห่วงโซ่อุปทานและความยั่งยืนผ่านโครงการนี้

อดัม เบรนนัน ผู้อำนวยกลุ่มการพัฒนาที่ยั่งยืนของไทยยูเนี่ยน กล่าวว่า “ไทยยูเนี่ยนมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใสให้ดียิ่งขึ้นอยู่เสมอ ความร่วมมือกับ SFP ในครั้งนี้เป็นเครื่องยืนยันความมุ่งมั่นตั้งใจของเราได้เป็นอย่างดี สิ่งที่สำคัญในการร่วมมือในครั้งนี้คือการที่ไทยยูเนี่ยนจะสามารถใช้ระบบ Seafood Metrics ของ SFP ในการประเมินความยั่งยืนของแหล่งที่มาของอาหารทะเล และสามารถเข้าใจและประเมินศักยภาพในการทำงานด้านความยั่งยืนในปัจจุบันของบริษัทได้ดียิ่งขึ้น เพื่อปรับปรุงการทำงานของบริษัทต่อไป”

แคธริน โนวัค ผู้อำนวยการด้านการตลาดทั่วโลก องค์กร SFP กล่าวว่า “ที่ SFP เรากำลังทำงานเพื่อให้โลกมีท้องทะเลที่อุดมสมบูรณ์ อาหารทะเลทุกชนิดถูกผลิตด้วยวิธีการที่ยั่งยืน และทุกคนสามารถเข้าถึงอาหารทะเลที่ยั่งยืนได้ พันธกิจของ SFP มีความสอดคล้องกับโครงการ SeaChange® ของไทยยูเนี่ยน ความร่วมมือครั้งนี้จะผลักดันให้การทำงานของทั้งสองฝ่ายบรรลุเป้าหมายในการดูแลท้องทะเลให้อุดมสมบูรณ์ และการมีอาหารทะเลที่ยั่งยืน”

ระบบ Seafood Metrics ของ SFP จะทำให้ไทยยูเนี่ยนสามารถปรับปรุงการติดตาม ความโปร่งใส และการตรวจสอบย้อนกลับในห่วงโซ่อุปทานของบริษัทได้อย่างต่อเนื่อง โดยระบบดังกล่าวจะทำให้ไทยยูเนี่ยนสามารถประเมินและติดตามห่วงโซ่อุปทานของการจับแบบธรรมชาติและแบบเพาะเลี้ยงทั่วโลกที่บริษัทใช้จัดหาให้กับธุรกิจที่ยุโรป อเมริกา และเอเชีย ระบบ Seafood Metrics จะรวบรวมและติดตามข้อมูลเกี่ยวกับด้านธรรมาภิบาล เป้าหมายความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งทรัพยากร ความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในแหล่งการทำประมงของบริษัท นอกจากนี้ตัวชี้วัดด้านความยั่งยืน เช่น การรับรอง การประเมินความเสี่ยงในงานด้านสิทธิมนุษยชน การประเมินขององค์การนอกภาครัฐ และการตรวจสอบย้อนกลับซึ่งจะรวมอยู่ในการติดตาม

การดำเนินการอื่นๆ ภายใต้ความร่วมมือนี้จะรวมถึงการตรวจสอบสัตว์น้ำพลอยได้จากห่วงโซ่อุปทานของไทยยูเนี่ยน การจับสัตว์น้ำพลอยได้เป็นการจับสัตว์น้ำสายพันธุ์อื่นที่ไม่ใช่เป้าหมายของการจับติดขึ้นมาด้วยโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งการจับในลักษณะนี้เป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญที่สุดที่ส่งผลกระทบต่อความยั่งยืนทางชีวภาพของการทำประมงทางทะเล ด้วยการประเมินผลกระทบของห่วงโซ่อุปทานต่างๆ เหล่านี้ บริษัทจะสามารถจัดการต่อไปได้

SFP คือองค์กรที่ปกป้องสายพันธุ์สัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ ถูกคุกคาม และถูกคุ้มครอง (Endangered, Threatened and Protected: ETP) ในอุตสาหกรรมอาหารทะเลของโลก การริเริ่มครั้งแรกนี้จะมีส่วนร่วมและขับคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารทะเล และห่วงโซ่อุปทานทั้งหมดเพื่อลดการจับสัตว์น้ำพลอยได้สายพันธุ์ที่ใกล้สูญพันธุ์ ถูกคุกคาม และถูกคุ้มครอง เช่น ฉลาม นกทะเล สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเล และเต่าทะเล ซึ่งจะสอดคล้องกับหนึ่งในโครงการริเริ่มของกลยุทธ์ความยั่งยืนของไทยยูเนี่ยน หรือ SeaChange® และกลยุทธ์ของ Seafood Business for Ocean Stewardship (SeaBOS) ใหม่ เพื่อปกป้องสัตว์สายพันธุ์ที่ถูกคุกคามและมีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์

 

เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำด้านอาหารทะเลระดับโลกที่นำผลิตภัณฑ์อาหารทะเลคุณภาพสูง ดีต่อสุขภาพ อร่อย และสร้างสรรค์ มาสู่ลูกค้าทั่วโลกมาเป็นกว่า 45 ปี

ปัจจุบัน ไทยยูเนี่ยนถือได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอาหารทะเลชั้นนำของโลกและเป็นหนึ่งในผู้ผลิตปลาทูน่าในบรรจุภัณฑ์ชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีเกินกว่า 141,000 ล้านบาท (4,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และแรงงานทั่วโลกกว่า 44,000 คน ที่ทุ่มเทให้กับการบุกเบิกผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่สร้างสรรค์และยั่งยืน

ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ OMG MEAT เบลลอตต้า และมาร์โว่ นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบอาหารภายใต้แบรนด์ UniQ™BONE และ UniQ™DHA และผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพแบรนด์ ZEAVITA

จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบทั่วโลก ไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาโดยตลอด จนส่งผลให้ไทยยูเนียนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่ 8 ปีติดต่อกัน โดยในปี 2564 ได้รับเลือกเป็นบริษัทอันดับ 2 ของกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหาร นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน

เกี่ยวกับ SFP

Sustainable Fisheries Partnership หรือ SFP เป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่จดทะเบียนในประเทศสหรัฐอเมริกา และมีการดำเนินงานอยู่ทั่วโลก เพื่อสร้างทรัพยากรสัตว์น้ำทางทะเลให้กลับคืนมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง ลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมจากการประมงและเพาะเลี้ยงปลา และดูแลการประมงทั่วโลกให้มีโอกาสในการดำเนินธุรกิจด้วยความยั่งยืน SFP ยังเป็นองค์กรที่ผนึกกำลังจากธุรกิจค้าปลีก ผู้จัดซื้ออาหารทะเล และห่วงโซ่อุปทานเหล่านั้นเพื่อให้เกิดการผลิตอาหารทะเลได้อย่างยั่งยืน