ไทยยูเนี่ยน เผยรายงานความก้าวหน้าพันธกิจการจัดการปลาทูน่าแบบยั่งยืน ให้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์
บรรยายภาพ: กลุ่มฝูงปลาทูน่าในท้องมหาสมุทร เครดิตภาพ: Shutterstock/Rich Carey
22 พฤษภาคม 2561 กรุงเทพฯ - บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยรายงานความก้าวหน้าประจำปีพันธกิจการจัดการปลาทูน่าแบบยั่งยืนครั้งแรกต่อสาธารณะ เกี่ยวกับกลยุทธ์การจัดหาวัตถุดิบปลาทูน่าทั้งหมดที่ใช้ในผลิตภัณฑ์แบรนด์ของบริษัท ต้องมาจากการทำประมงอย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายดำเนินการให้ได้อย่างน้อย 75 เปอร์เซ็นต์ในปี 2563 ซึ่งสอดคล้องกับ SeaChange® กลยุทธ์ความยั่งยืนของบริษัท
นอกจากนี้ พันธกิจด้านปลาทูน่าของไทยยูเนี่ยนยังครอบคลุมการลงทุนจำนวน 90 ล้านเหรียญสหรัฐ ในโครงการริเริ่มต่างๆ เพื่อเพิ่มปริมาณปลาทูน่าอย่างยั่งยืน ซึ่งประกอบด้วยการตั้งโครงการพัฒนาการประมงใหม่ 11 โครงการทั่วโลก เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีปริมาณปลาในท้องทะเลคงอยู่อย่างยั่งยืน ลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม และการปรับปรุงการจัดการการทำประมงเหล่านั้น
ไทยยูเนี่ยนกำหนดแหล่งที่มาของปลาทูน่าอย่างยั่งยืนคือ ปลาทูน่าที่มาจากการทำประมงที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานสำนักงานคณะกรรมการรับรองมาตรฐานสินค้าประมง (MSC) หรือจากการดำเนินโครงการพัฒนาการประมงที่จะยกระดับไปสู่การได้รับการรับรองมาตรฐาน MSC ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญระดับโลกว่า เป็นมาตรฐานที่ดีที่สุดของความยั่งยืนด้านอาหารทะเล
การส่งเสริมเรื่องความโปร่งใสนั้น ไทยยูเนี่ยนประกาศจะรายงานความก้าวหน้าพันธกิจการจัดการปลาทูน่าแบบยั่งยืน ให้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์เป็นประจำทุกปี เมื่อตอนเปิดตัวในเดือนมกราคม 2559
รายงานความก้าวหน้าพันธกิจด้านปลาทูน่าที่ประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นของไทยยูเนี่ยนในปี 2560 ประกอบด้วย
- การดำเนินงานอย่างเป็นทางของโครงการพัฒนาการประมงของปลาทูน่า 6 โครงการ ซึ่งเผยแพร่ต่อสาธารณะที่ fisheryprogress.org
- การทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับผู้ค้าปลีกต่างๆ เพื่อช่วยส่งเสริมให้บรรลุพันธกิจด้านความยั่งยืนของพวกเขา
- การทำงานร่วมกับภาครัฐ ภาคประชาสังคม และองค์กรบริหารจัดการด้านการประมงระดับภูมิภาค (RFMOs) เพื่อให้มั่นใจว่าถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับของกฎการทำประมงอย่างมีประสิทธิภาพ
- พันธสัญญาต่อแถลงการณ์การตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งที่มาของปลาทูน่า (Tuna 2020 Traceability Declaration) ในงานประชุม World Economic Forum ซึ่งสนับสนุนการดำเนินการตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ
- การแสดงจุดยืนเรื่องพันธกิจด้านปลาทูน่าที่งานประชุม Our Ocean ในสาธารณรัฐมอลตา
- การประกาศข้อตกลงเรื่องปลาทูน่ากับกรีนพีซ (landmark agreement)
ตั้งแต่ต้นปี 2561 ผลิตภัณฑ์แบรนด์ปลาทูน่าที่จำหน่ายโดยบริษัท ไทยยูเนี่ยน ยุโรป มากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ มีการจัดหามาจากแหล่งที่มีการทำการประมงที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน MSC หรือจากการดำเนินโครงการพัฒนาการประมงเพื่อเข้าสู่การได้รับการรับรองมาตรฐาน MSC
นอกจากนี้ ปัจจุบันผลิตภัณฑ์แบรนด์ปลาทูน่าของไทยยูเนี่ยนทั่วโลก 14.2 เปอร์เซ็นต์ มีการจัดหามาจากแหล่งประมงที่ได้รับมาตรฐาน MSC ในขณะที่ผลิตภัณฑ์แบรนด์ต่างประเทศของไทยยูเนี่ยน 2 แบรนด์ คือ Hawesta ในประเทศเยอรมนี และ Genova ในทวีปอเมริกาเหนือก็ได้มีการประกาศการใช้วัตถุดิบจากแหล่งที่ได้มาตรฐาน MSC ทั้งหมด
ปลาทูน่าเป็นแหล่งโปรตีนที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายที่สุดสำหรับผู้คนนับล้านคนทั่วโลก และอีกอย่างน้อยหนึ่งพันล้านคนพึ่งพาอาหารทะเลสำหรับการโภชนาการ หรืออาชีพการทำงาน ดร. แดเรี่ยน แมคเบน ผู้อำนวยการกลุ่มการพัฒนาที่ยั่งยืนของไทยยูเนี่ยนได้กล่าวไว้ว่า ในฐานะที่ไทยยูเนี่ยนเป็นผู้นำอุตสาหกรรมอาหารทะเล เรามีความรับผิดชอบที่จะปกป้องปริมาณปลาทูน่าเพื่อโลกที่ดีขึ้น
“วันนี้ ไทยยูเนี่ยนรับบทบาทในการเป็นผู้นำสำหรับการเปลี่ยนเชิงบวกมากขึ้นกว่าเดิม การลงทุนที่สำคัญของเรามีจุดมุ่งหมายเพื่อปฏิรูปแหล่งวัตถุดิบปลาทูน่าทั้งอุตสาหกรรม และแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าเพื่อความยั่งยืนของท้องทะเล” ดร. แดเรี่ยน แมคเบน กล่าว “เรามีความภูมิใจในความก้าวหน้าของพันธกิจการจัดการปลาทูน่าแบบยั่งยืน ให้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ และมุ่งทำงานของเราอย่างต่อเนื่องร่วมกับภาคประชาสังคม ภาคธุรกิจ และภาครัฐ เพื่อสนับสนุนแนวปฏิบัติการทำประมงอย่างยั่งยืน”
สำหรับรายงานความก้าวหน้าพันธกิจด้านปลาทูน่าทั้งหมด สามารถอ่านได้ที่นี่
###
เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลของโลก ซึ่งส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรม รสชาติดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีคุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคทั่วโลกมากกว่า 40 ปี
วันนี้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าบรรจุภาชนะชนิดต่าง ๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีมากกว่า 1.35 แสนล้านบาท (4.03 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีพนักงานทั่วโลกรวมกันมากกว่า 49,000 คน ซึ่งล้วนทุ่มเทเพื่อผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรมและความยั่งยืน
ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วยแบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar, และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ เบลลอตต้า และมาร์โว่
จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบทั่วโลก ไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation – ISSF) ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเรื่องมาโดยตลอดในเรื่องดังกล่าว
จนส่งผลโดยรวมให้ไทยยูเนี่ยนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่มาตั้งแต่ปี 2557 และในปี 2559 ไทยยูเนี่ยนได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของ DJSI เป็นปีที่สามติดต่อกัน นอกจากนี้ ไทยยูเนี่ยนได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index อีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
คุณวิสาขา จันทกิจ
มือถือ: +66.81.845.7316
อีเมล: Wisaka.Chantakit@thaiunion.com