ไทยยูเนี่ยนได้รับเลือกติดดัชนี Dow Jones Sustainability Index เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน

บรรยายภาพ: ไทยยูเนี่ยน ซึ่งเป็นผู้ผลิตปลาทูน่าบรรจุกระป๋องรายใหญ่สุดของโลก ได้รับเลือกให้ติดดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน (เครดิตภาพ: ไทยยูเนี่ยน)

7 กันยายน 2560 กรุงเทพ – บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตอาหารทะเลชั้นนำของโลกซึ่งมีผลิตภัณฑ์แบรนด์ในเครือหลากหลายทั่วโลก ได้รับเลือกให้ติดดัชนี Dow Jones Sustainability Index (DJSI) Emerging Markets เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน 

SeaChange® กลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของไทยยูเนี่ยนประสบความสำเร็จในการทำคะแนนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประเด็นด้านความยั่งยืนที่มีนัยสำคัญ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สุขภาพและโภชนาการ ความเสี่ยงที่เกี่ยวกับน้ำ และการกำหนดนโยบาย อยู่ในลำดับเปอร์เซ็นไทล์ที่ 100 นอกจากนี้ ความพยายามในการดำเนินงานอย่างจริงจังด้านการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน จรรยาบรรณธุรกิจ และแนวปฎิบัติด้านแรงงาน ได้ส่งผลให้ระดับคะแนนของไทยยูเนี่ยนอยู่ในลำดับเปอร์เซ็นไทล์ที่ 97 ในกลุ่มอุตสาหกรรม

“ในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้ผลิตอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลกรายหนึ่ง ไทยยูเนี่ยน ตระหนักดีถึงบทบาทของเราในการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก นั่นหมายถึงการเน้นเรื่องความยั่งยืนเป็นหัวใจของการดำเนินธุรกิจของเรา” นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าว “นับเป็นเกียรติสำหรับไทยยูเนี่ยนที่ได้รับการยอมรับในเรื่องความทุ่มเทด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่องของเรา ซึ่งทำให้ได้รับการยอมรับเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน ทำให้เรารู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง”​                                                             

ดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ ในหมวดตลาดเกิดใหม่ เป็นดัชนีหมวดย่อยที่ได้รับการยอมรับในระดับสูง ซึ่งเป็นการประเมินบริษัทต่างๆ ในตลาดเกิดใหม่ในผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืน ในแต่ละปี มีบริษัทมากกว่า 3,000 แห่งได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประเมินด้านความยั่งยืนของธุรกิจ Corporate Sustainability Assessment (CSA) ของบริษัท RobecoSAM โดยบริษัทที่ได้รับเลือกเข้ามาอยู่ในดัชนี จะต้องผ่านการประเมินด้านต่างๆ ครอบคลุมเรื่องเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคมในระยะยาว ทั้งในแง่ความยั่งยืนทั่วไปและแนวโน้มความยั่งยืนเฉพาะอุตสาหกรรม

“การได้รับเลือกติดดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์อย่างต่อเนื่องอีกครั้ง เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของ SeaChange® หรือ กลยุทธ์ความยั่งยืนของเรา” ดร.แดเรี่ยน แมคเบน ผู้อำนวยการกลุ่มการพัฒนาที่ยั่งยืน บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าว “พนักงานของไทยยูเนี่ยนมุ่งมั่นทำงานทุกวันเพื่อให้มั่นใจว่าค่านิยมองค์กรของบริษัทที่เรานำมาใช้ได้รับการแปลงสู่การปฏิบัติที่เป็นจริง เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ดี

SeaChange® เป็นแผนบูรณาการของโครงการริเริ่มต่างๆ ซึ่งอยู่ภายใต้กรอบการดำเนินงาน 4 ด้านประกอบด้วย ด้านความปลอดภัยและแรงงานที่ถูกกฎหมาย ด้านการจัดหาวัตถุดิบด้วยความรับผิดชอบ ด้านการดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบ และด้านเกี่ยวกับผู้คนและชุมชน โดยได้รับการออกแบบมาเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรมทั้งอุตสาหกรรมอาหารทะเลโลก รวมทั้งช่วยตอบโจทย์ในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (UN Sustainable Development Goals: SDGs) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่อง การขจัดความหิวโหย การจ้างงานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการอนุรักษ์มหาสมุทรและการใช้ทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน

ส่วนหนึ่งของ SeaChange® คือ การที่บริษัทมีความมุ่งมั่นต่อการส่งเสริมแนวทางการทำประมงที่ดีและลดการใช้แรงงานอย่างไร้จริยธรรมและผิดกฏหมาย ในเดือนธันวาคม 2559 ไทยยูเนี่ยนได้ประกาศการลงทุน 90 ล้านเหรียญสหรัฐในการจัดหาวัตถุดิบปลาทูน่าที่ใช้สำหรับผลิตภัณฑ์แบรนด์ทั้งหมดด้วยวิธีการที่ยั่งยืน โดยมุ่งจะบรรลุเป้าหมายอย่างน้อย 75 เปอร์เซนต์ ภายในปี 2563 นอกจากนี้บริษัทยังได้ลงนามเป็นสมาชิกของ Seafood Business for Ocean Stewardship(SeaBOS) โดยมีพันธกิจในการพัฒนาการดำเนินงานและผลักดันให้ทั้งอุตสาหกรรมอาหารทะเลดำเนินตาม

นอกจากนั้นแล้ว เมื่อเร็วๆ นี้ ไทยยูเนี่ยนเป็นตัวแทนภาคธุรกิจของประเทศไทยในการเข้าร่วม Bali Process Government and Business Forum ซึ่งจัดให้ภาครัฐกับภาคเอกชนได้หารือกันเพื่อขจัดการค้ามนุษย์ การบังคับใช้แรงงาน และการแสวงหาประโยชน์ที่เกี่ยวข้อง ดร.แดเรี่ยนได้กล่าวปาฐกถาต่อหน้าผู้นำจากทั่วโลกในเรื่องการขจัดทาสยุคใหม่

ไทยยูเนี่ยนได้เปิดเผย รายงานความยั่งยืนประจำปี 2559 เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา รายงานฉบับดังกล่าวได้ให้รายละเอียดของผลการดำเนินงานของบริษัทในด้านต่างๆ ตามดัชนีชี้วัดที่สำคัญและเป้าหมายที่กำหนดไว้ในกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน  SeaChange® ตั้งแต่เดือนมกราคม จนถึงเดือนธันวาคม 2559 

###

เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลของโลก ซึ่ง ส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรม รสชาติดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีคุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคทั่วโลกมาเป็นเวลาเกือบ 40 ปี

วันนี้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าบรรจุภาชนะชนิดต่าง ๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีมากกว่า 125 พันล้านบาท (3.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีพนักงานทั่วโลกรวมกันมากกว่า 46,000 คน ซึ่งล้วนทุ่มเทเพื่อผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรมและมีความยั่งยืน

ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช เบลลอตต้า และมาร์โว่

จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบทั่วโลก ไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่าง

ต่อเนื่องเรื่องมาโดยตลอดในเรื่องดังกล่าว จนส่งผลโดยรวมให้ไทยยูเนียนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่มาตั้งแต่ปี 2557 และในปี 2560 ไทยยูเนี่ยนได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของ DJSI เป็นปีที่สี่ติดต่อกัน  นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี  FTSE4Good Emerging Index เมื่อเร็วๆ นี้อีกด้วย

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อมวลชน กรุณาติดต่อ

นายคริสโตเฟอร์ ฮิวจ์

โทรศัพท์มือถือ: +66.625.941.089

อีเมล: Christopher.Hughes@ThaiUnion.com