ไทยยูเนี่ยนประกาศเดินหน้า เข้าร่วมโครงการ Ocean Breakthroughs และ Transforming Food Systems Initiatives

Thai Union Group Commits to Ocean Breakthroughs

ดูไบ – 12 ธันวาคม 2566 – บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจอาหารทะเลระดับโลก ได้ลงนามร่วมในโครงการสิ่งแวดล้อมระดับโลก 2 โครงการด้วยกัน ได้แก่ Ocean Breakthroughs และ Transforming our Food Systems ระหว่างการประชุมองค์การสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ณ เมืองดูไบ การลงนามในครั้งนี้ยังเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของบริษัทในด้านความยั่งยืนและการดูแลทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีความรับผิดชอบ

นายอดัม เบรนนัน ผู้อำนวยการกลุ่มด้านความยั่งยืน บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การที่ไทยยูเนี่ยนสนับสนุนข้อเรียกร้องทั้งสองโครงการนี้นับเป็นก้าวสำคัญอีกก้าวในเส้นทางการทำงานด้านความยั่งยืนของบริษัทฯ เพราะทั้งสองโครงการแสดงให้เห็นถึงการตระหนักถึงปัญหาเร่งด่วนที่สุดในด้านสิ่งแวดล้อมโลก และการลงนามในครั้งนี้ยังสอดคล้องกับความมุ่งมั่นของไทยยูเนี่ยนในการเป็นผู้นำเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้น”

โครงการ Ocean Breakthroughs นำโดยผู้แทนองค์การสหประชาชาติด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันให้มหาสมุทรสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้ถึง 35 เปอร์เซ็นต์ จากยอดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่จะต้องลดให้ได้ภายในปี 2593 องค์กรที่ลงนามในโครงการนี้ยังเรียกร้องให้รัฐบาลทุกประเทศพัฒนาและลงมือปฏิบัติตามแผนการเพื่อความยั่งยืนของมหาสมุทร ซึ่งเป็นกรอบการทำงานในด้านนโยบายและการขับเคลื่อนการดูแลท้องทะเลที่จะสามารถทำให้การใช้ทรัพยากรทางทะเลเป็นไปอย่างยั่งยืน แผนงานต่างๆ เหล่านี้ยังช่วยให้เกิดความร่วมมือระหว่างทุกฝ่ายที่ใช้ประโยชน์ทรัพยากรจากท้องทะเลและสร้างความสมดุลในการบรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศ เป้าหมายด้านการปกป้องระบบนิเวศทางทะเล และเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจไปพร้อมๆกัน

สำหรับโครงการ Transforming our Food Systems นั้นได้เรียกร้องให้เกิด การปฏิรูประบบอาหารให้ยั่งยืนและเป็นธรรม รับมือกับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และการปฏิบัติที่ไม่ยั่งยืนในภาคการเกษตรและการผลิตอาหาร โดยโครงการนี้ต้องการให้เกิดความมั่นคงทางอาหารและโภชนาการในขณะที่ลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากระบบอาหารลง

Thai Union Group Commits to Ocean Breakthroughs

นายอดัม กล่าวต่อไปว่า “การเข้าร่วมในสองโครงการในครั้งนี้ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของไทยยูเนี่ยนในเรื่องอนาคตที่ยั่งยืน อนาคตที่มหาสมุทรจะยังคงเป็นแหล่งทรัพยากรให้กับหลายล้านชีวิตบนโลกนี้ และด้วยกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของไทยยูเนี่ยน หรือ SeaChange® 2030 ที่วางเป้าหมายในการทำงานไปจนถึงปี 2573 เราเดินหน้ารวมพลังกับทุกภาคส่วนทั่วโลกเพื่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงทาสภาพภูมิอากาศ และสนับสนุนระบบอาหารที่ยั่งยืน และนี่คือความรับผิดชอบที่เราตั้งใจทำในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรมอาหารทะเล”

กลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange® 2030 ของไทยยูเนี่ยน ประกอบด้วยพันธกิจ 11 ข้อที่ครอบคลุมมิติของผู้คนและสิ่งแวดล้อม และยังสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติถึง 10 ข้อ ซึ่งรวมถึง การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 42 เปอร์เซ็นต์ในขอบเขตที่ 1, 2 และ 3 ภายในปี 2573 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2593 การสนับสนุนงบประมาณ 250 ล้านบาท (มากกว่า 7 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพื่อปกป้องและฟื้นฟูระบบนิเวศสำคัญ การขับเคลื่อนให้ ผลิตภัณฑ์ที่เก็บได้ในอุณหภูมิห้อง (เช่น ผลิตภัณฑ์อาหารบรรจุกระป๋อง) ภายใต้แบรนด์ของบริษัท 100 เปอร์เซ็นต์จะต้องยึดตามแนวทางด้านโภชนาการ และ 100 เปอร์เซ็นต์ของผลิตภัณฑ์ที่เก็บได้ในอุณหภูมิห้องที่ออกใหม่ทั้งหมดภายใต้แบรนด์ของบริษัท จะต้องส่งเสริมโภชนาการเชิงบวกเพื่อสุขภาพที่ดี และรวมถึงการขับเคลื่อนให้ 100 เปอร์เซ็นต์ของวัตถุดิบถั่วเหลืองและน้ำมันปาล์มจะได้รับการรับรองว่าปราศจากการตัดไม้ทำลายป่า

###

เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำด้านอาหารทะเลระดับโลกที่นำผลิตภัณฑ์อาหารทะเลคุณภาพสูง ดีต่อสุขภาพ อร่อย และสร้างสรรค์ มาสู่ลูกค้าทั่วโลกมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2520

ปัจจุบัน ไทยยูเนี่ยนถือได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอาหารทะเลชั้นนำของโลกและเป็นหนึ่งในผู้ผลิตปลาทูน่าในบรรจุภัณฑ์ชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีเกินกว่า 155,586 ล้านบาท (4,438 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และแรงงานทั่วโลกกว่า 44,000 คน ที่ทุ่มเทให้กับการบุกเบิกผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่สร้างสรรค์และยั่งยืน

ปัจจุบันไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar, Hawesta และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ OMG MEAT เบลลอตต้า และมาร์โว่ นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบอาหารภายใต้แบรนด์ UniQ®BONE และ UniQ®DHA และผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพแบรนด์ ZEAvita

ไทยยูเนี่ยนมีเป้าหมายเพื่อสร้าง "การมีสุขภาพที่ดีและท้องทะเลที่อุดมสมบูรณ์, Healthy Living, Healthy Oceans" โดยให้ความสำคัญกับสุขภาพผู้คน ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ท้องทะเล เราภาคภูมิใจในการเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact: UNGC) พร้อมทั้งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) และได้รับเกียรติเป็นเป็นประธาน SeaBOS หรือ Seafood Business for Ocean Stewardship

ไทยยูเนี่ยนได้ประกาศกลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange® 2030 พร้อมขยายขอบเขตการทำงานด้านความยั่งยืนให้ครอบคลุมมิติของผู้คนและสิ่งแวดล้อม ไทยยูเนี่ยนดำเนินงานด้านความยั่งยืนโดยยึดหลักกลยุทธ์ SeaChange® ที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ จากผลการประเมินงานด้านความยั่งยืนปี 2565 บริษัทได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices: DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่เป็นปีที่ 9 ปีติดต่อกันและได้อันดับ 1 ในกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหารซึ่งไทยยูเนี่ยนเคยได้ในปี 2561 และปี 2562 บริษัทได้รับการจัดอันดับในดัชนี Seafood Stewardship Index (SSI) เป็นอันดับที่ 1 ในปี 2566 และปี 2566 นี้ยังได้รับการจัดอันดับอยู่ใน S&P Global Sustainability Yearbook 2023 โดยมีคะแนนอยู่ในกลุ่ม 1 เปอร์เซ็นต์ที่คะแนนสูงสุด จากกว่า 7,800 บริษัทที่เข้ารับการประเมิน นอกจากนี้ในปี 2565 ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index เป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน

###