ไทยยูเนี่ยนประกาศแต่งตั้ง จามีกร เตชะศารทูล ผู้บริหารหญิงคนแรก ดูแลโรงงานในประเทศเซเชลส์

วิคตอเรีย (ประเทศเซเชลส์) - 5 ตุลาคม 2566 - บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ประกาศแต่งตั้ง นางสาวจามีกร เตชะศารทูล ดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป ประจำโรงงานอินเดียน โอเชียน ทูน่า ในประเทศเซเชลส์ ซึ่งเป็นโรงงานที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของกลุ่มไทยยูเนี่ยนที่มีโรงงานกระจายอยู่ทั่วโลก โดยจามีกรได้รับตำแหน่งนี้ต่อจาก นายริคาโด ลูซิโอ ผู้ที่ดูแลรับผิดชอบโรงงานแห่งนี้ตั้งแต่ปี 2563 และได้รับแต่งตั้งเป็น ผู้อำนวยการฝ่ายจัดซื้อวัตถุดิบปลา ภูมิภาคยุโรปโดยปฏิบัติงานในสำนักงานที่กรุงปารีส

บรรยายภาพ 1: จามีกร เตชะศารทูล ผู้จัดการทั่วไปประจำโรงงานอินเดียน โอเชียน ทูน่า ในประเทศเซเชลส์

บรรยายภาพ 2: ริคาโด ลูซิโอ ในระหว่างดำรงตำแหน่งที่ประเทศเซเชลส์ ได้มีการเน้นย้ำความสำคัญของการทำงานเพื่อสังคมและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน

บรรยายภาพ 3: จามีกร เตชะศารทูล และริคาโด ลูซิโอ กับทีมผู้บริหารโรงงานอินเดียน โอเชียน ทูน่า ในประเทศเซเชลส์

บรรยายภาพ 4: โรงงานอินเดียน โอเชียน ทูน่า ในประเทศเซเชลส์ เป็นโรงงานที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของกลุ่มไทยยูเนี่ยนที่มีโรงงานกระจายอยู่ทั่วโลก

บรรยายภาพ 5: โรงงานอินเดียน โอเชียน ทูน่า มีพนักงานราว 1,800 คนและเป็นหน่วยงานเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเซเชลส์

นางสาวจามีกร เตชะศารทูล ได้เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 โดยเริ่มทำงานที่โรงงานอินเดียน โอเชียน ทูน่า ในปี 2562 และได้รับการปรับเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปภายในระยะเวลา 3 ปี ภายใต้การทำงานอย่างใกล้ชิดกับนายริคาโด “โรงงานอินเดียน โอเชียน ทูน่า นับเป็นกำลังการผลิตที่สำคัญของไทยยูเนี่ยน ในการผลิตปลาทูน่าคุณภาพและราคาที่แข่งขันได้ในตลาดให้กับคู่ค้าบริษัทในทวีปยุโรป การที่โรงงานผลิตจากประเทศเซเชลส์ซึ่งเป็นเกาะทำให้มีความท้าทายอยู่มาก แต่ด้วยทีมผู้บริหารและพนักงานของเราที่มีทั้งความสามารถและประสบการณ์ ทำให้เรายังสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างดีซึ่งหมายถึงทั้งพนักงานของเราและครอบครัวที่นี่ เรามุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและมีความยั่งยืน” นางสาวจามีกรกล่าว

นอกจากนี้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นางสาวจามีกรยังมีส่วนในการปรับโครงสร้างฝ่ายห่วงโซ่อุปทาน การวางแผนงาน งานขายและการตลาด เพื่อเตรียมพร้อมในการรับตำแหน่งผู้บริหารของโรงงานคนต่อไป

นางสาวจามีกร ได้เริ่มงานกับบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ครั้งแรกในโครงการเฟ้นหาผู้บริหารรุ่นใหม่หรือ Management Associate Program ในปี 2558 ซึ่งเปิดโอกาสให้ทำงานในประเทศฝรั่งเศส ในส่วนของสายงานห่วงโซ่อุปทาน ก่อนที่จะย้ายมาประจำที่โรงงานอินเดียน โอเชียน ทูน่า ประเทศเซเชลส์

สำหรับนายริคาโดนั้น ได้ร่วมงานกับไทยยูเนี่ยนเป็นเวลา 31 ปี และเคยตำรงตำแหน่งผู้จัดการโรงงานในประเทศโปรตุเกสก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปโรงงานอินเดียน โอเชียน ทูน่าในปี 2560 โดยนายริคาโดมีความรู้และประสบการณ์ในด้านการเงิน ทำให้สามารถปรับปรุงการดำเนินงานของโรงงานให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล

นายริคาโด ลูซิโอ กล่าวว่า “ผมได้ทำงานกับคุณจามีกรอย่างใกล้ชิดในการควบคุมต้นทุนในการผลิต ทำให้พนักงานกว่า 1,800 คนของเราที่นี่มีรายได้แน่นอน โรงงานอินเดียน โอเชียน ทูน่า นั้นมีความท้าทายอย่างมากด้วยปัจจัยความไม่แน่นอนต่างๆ เช่น เงินเฟ้อ ความต้องการที่ลดลงจากผู้บริโภคในยุโรป การทำงานกับคู่ค้าสำคัญๆ เป็นหัวใจในการดำเนินได้อย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ คุณจามีกรจึงเป็นบุคลากรคนสำคัญในจังหวะเวลาที่ลงตัวในการนำพาโรงงานแห่งนี้ต่อไปในอนาคต”

สำหรับนายริคาโด ด้วยประสบการณ์ในด้านการบริหารจัดการวัตถุดิบของโรงงานต่างๆ และประสบการณ์ในสายงานด้านการเงิน จะกลับไปประจำที่สำนักงานใหญ่ของไทยยูเนี่ยนยุโรปในกรุงปารีสในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายจัดซื้อวัตถุดิบปลา ภูมิภาคยุโรป

นอกจากนี้โรงงานอินเดียน โอเชียน ทูน่า ยังเป็นโรงงานหลักที่จะช่วยกลุ่มไทยยูเนี่ยนบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนตามกลยุทธ์ SeaChange® 2030 โดยโรงงานที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของกลุ่มแห่งนี้อยู่ในโครงการนำร่องลดการปล่อยน้ำเสียเป็นศูนย์ ลดของเสียฝังกลบเป็นศูนย์ และลดการสูญเสียอาหารเป็นศูนย์ ภายในปี 2573 และ 30 เปอร์เซ็นต์ของโรงงานนี้ยังติดตั้งหลังคาพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อผลิตเป็นกระแสไฟฟ้าที่โรงงานใช้ได้ถึง 8 เปอร์เซ็นต์ ตอบโจทย์เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 42 เปอร์เซ็นค์ ภายในปี 2573 เช่นกัน กลุ่มไทยยูเนี่ยนยังตั้งเป้าหมายในการมีผู้บริหารองค์กรเป็นผู้หญิง 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งโรงงานอินเดียน โอเชียน ทูน่าจะมีผู้จัดการทั่วไปเป็นสุภาพสตรีเป็นครั้งแรก และทีมผู้บริหารของโรงงานยังเป็นผู้หญิงถึง 50 เปอร์เซ็นต์อีกด้วย

เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำด้านอาหารทะเลระดับโลกที่นำผลิตภัณฑ์อาหารทะเลคุณภาพสูง ดีต่อสุขภาพ อร่อย และสร้างสรรค์ มาสู่ลูกค้าทั่วโลกมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2520

ปัจจุบัน ไทยยูเนี่ยนถือได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอาหารทะเลชั้นนำของโลกและเป็นหนึ่งในผู้ผลิตปลาทูน่าในบรรจุภัณฑ์ชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีเกินกว่า 155,586 ล้านบาท (4,438 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และแรงงานทั่วโลกกว่า 44,000 คน ที่ทุ่มเทให้กับการบุกเบิกผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่สร้างสรรค์และยั่งยืน

ปัจจุบันไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar, Hawesta และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ OMG MEAT เบลลอตต้า และมาร์โว่ นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบอาหารภายใต้แบรนด์ UniQ®BONE และ UniQ®DHA และผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพแบรนด์ ZEAvita

ไทยยูเนี่ยนมีเป้าหมายเพื่อสร้าง "การมีสุขภาพที่ดีและท้องทะเลที่อุดมสมบูรณ์, Healthy Living, Healthy Oceans" โดยให้ความสำคัญกับสุขภาพผู้คน ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ท้องทะเล เราภาคภูมิใจในการเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact: UNGC) พร้อมทั้งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) และได้รับเกียรติเป็นเป็นประธาน SeaBOS หรือ Seafood Business for Ocean Stewardship

ไทยยูเนี่ยนได้ประกาศกลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange® 2030 พร้อมขยายขอบเขตการทำงานด้านความยั่งยืนให้ครอบคลุมมิติของผู้คนและสิ่งแวดล้อม ไทยยูเนี่ยนดำเนินงานด้านความยั่งยืนโดยยึดหลักกลยุทธ์ SeaChange® ที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ จากผลการประเมินงานด้านความยั่งยืนปี 2565 บริษัทได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices: DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่เป็นปีที่ 9 ปีติดต่อกันและได้อันดับ 1 ในกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหารซึ่งไทยยูเนี่ยนเคยได้ในปี 2561 และปี 2562 และปี 2566 ยังได้รับการจัดอันดับอยู่ใน S&P Global Sustainability Yearbook 2023 โดยมีคะแนนอยู่ในกลุ่ม 1 เปอร์เซ็นต์ที่คะแนนสูงสุด จากกว่า 7,800 บริษัทที่เข้ารับการประเมิน นอกจากนี้ในปี 2565 ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index เป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน

ข้อมูลเพิ่มเกี่ยวกับความยั่งยืนที่ไทยยูเนี่ยน สามารถเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ seachangesustainability.org