ไทยยูเนี่ยน และมูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ จัดทำโครงการโรงเรียนรักษ์อาหารให้ความรู้เรื่องขยะอาหารและโภชนาการอาหารแก่นักเรียน

สมุทรสาคร, 16 มกราคม 2566 ─ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ มูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับขยะอาหารและโภชนาการอาหารผ่านโครงการโรงเรียนรักษ์อาหารให้กับ 6 โรงเรียนในจังหวัดสมุทรสาคร และสมุทรสงคราม

โครงการโรงเรียนรักษ์อาหาร เป็นโครงการที่ให้ความรู้แก่นักเรียนและคุณครูเกี่ยวกับวิธีการจัดการปัญหาเรื่องขยะอาหาร เช่น การนำไปทำเป็นปุ๋ยหมัก การสร้างความเข้าใจเรื่องอาหารส่วนเกินคืออะไร และมีวิธีการลดอย่างไรที่จะช่วยสร้างความมั่นคงทางอาหารได้ รวมถึงผลกระทบของขยะอาหารที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ยังมีการให้ความรู้เรื่องโภชนาการอาหารและการรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการเพื่อการมีสุขภาพที่ดี

นอกจากนี้ ยังมีการสอนอ่านฉลากโภชนาการที่อยู่บนบรรจุภัณฑ์อาหารเช่น ปริมาณพลังงาน น้ำตาล ไขมัน และโซเดียมที่ได้จากการรับประทาน เพื่อให้สามารถตัดสินใจเลือกซื้ออาหารอย่างชาญฉลาดเมื่อต้องซื้ออาหารด้วยตนเอง

ปัจจุบันมีนักเรียนกว่า 180 คนจากโรงเรียนวัดศรีสุทธาราม โรงเรียนวัดอ่างทอง โรงเรียนกุศลวิทยา โรงเรียนวัดใหญ่จอมปราสาท โรงเรียนบ้านโรงเข้ และโรงเรียนวัดเขายี่สาร เข้าร่วมในเวิร์กชอปภายใต้โครงการโรงเรียนรักษ์อาหาร ที่เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนกันยายน 2565 ซึ่งเป็นหนึ่งในความพยายามดำเนินงานของไทยยูเนี่ยนเพื่อส่งเสริม “การมีสุขภาพที่ดี ควบคู่กับการดูแลท้องทะเลให้มีความอุดมสมบูรณ์”

“โครงการนี้ เป็นโครงการที่จะทำให้เด็กๆ ได้เรียนรู้เรื่องอาหารอย่างยั่งยืน สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อให้พวกเขาได้มีทักษะการบริโภคอาหารที่ดีต่อร่างกาย ถูกหลักโภชนาการ มองเห็นคุณค่าของอาหารใกล้ตัว และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหากทิ้งอาหารส่วนเกินและเศษอาหารไปในสิ่งแวดล้อม และต้องการสร้างความตระหนักว่า ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมช่วยเหลือสิ่งแวดล้อมได้ ซึ่งเป็นเรื่องใกล้ตัวที่เด็กทุกคนมีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหานี้โดยอาจไม่รู้ตัว โครงการนี้เป็นต้นแบบที่ดีที่เราต้องการขยายแนวคิดเรื่องการจัดการอาหารเป็นบทเรียนที่ถูกบรรจุลงในหลักสูตรการศึกษาในยุคใหม่นอกจากนี้เราต้องการให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเพื่อมุ่งสู่สังคมไร้ขยะอาหาร และไร้ผู้หิวโหยไปด้วยกัน” นางสาวศศิวรรณ ใจอาสา เจ้าหน้าที่ประสานงานชุมชนอาวุโส มูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ กล่าว

นายอดัม เบรนแนน ผู้อำนวยการกลุ่มความยั่งยืนของไทยยูเนี่ยน กล่าวว่า “ขยะอาหารเป็นความท้าทายสำคัญระดับโลก และขยะอาหารนี้ยังเป็นตัวการในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมีนัยสำคัญอีกด้วย ทุกคนสามารถมีส่วนในการแก้ปัญหาเพื่อลดและหยุดสร้างขยะอาหารโดยการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น ทำอาหารในปริมาณที่เราสามารถรับประทานได้ และซื้ออาหารเฉพาะที่เราต้องการเท่านั้น ภายใต้โครงการโรงเรียนรักษ์อาหาร เรากำลังให้ความรู้นักเรียนด้วยการสร้างความเข้าใจเรื่องการจัดการขยะอาหาร เพื่อให้คนรุ่นต่อไปได้ตระหนักมากขึ้นว่า การกระทำของพวกเขาสามารถช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมได้มากเพียงใด”

ไทยยูเนี่ยน มีการตั้งเป้าหมายในเรื่องของขยะอาหาร โดยในปี 2564 บริษัทได้ออกพันธกิจเรื่องการลดการสูญเสียอาหารและขยะอาหาร โดยมีเป้าหมายที่จะลดการสูญเสียอาหารในการผลิตอาหารประเภทบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ อาหารทะเลแช่เย็นและแช่แข็งให้ได้ 50 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2568 เปรียบเทียบกับตัวเลขฐานปี 2564 นอกจากนี้ ไทยยูเนี่ยนยังมุ่งมั่นทำงานร่วมกับคู่ค้าและพันธมิตรของบริษัท เพื่อลดขยะอาหารที่ระดับค้าปลีกและผู้บริโภคอีกด้วย

ประเทศไทยมีขยะอาหารสูงถึง 9.68 ล้านตันต่อปี ซึ่งคิดเป็น 38 เปอร์เซ็นต์ของขยะทั้งหมด ในจำนวนนี้มีอาหารส่วนเกินที่ยังทานได้ปะปนอยู่ถึง 39 เปอร์เซ็นต์ของอาหารที่ถูกทิ้งทั้งหมด จากการศึกษาของมูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ โดยทางมูลนิธิฯ แนะนำวิธีการ 3 ขั้นตอนง่ายๆ ซึ่งทุกคนสามารถทำได้เพื่อลดขยะอาหารในครัวและยังได้ช่วยดูแลสิ่งแวดล้อม ดังนี้

  • ตรวจสอบอาหารในตู้เย็นว่า มีอาหารอะไรที่ใกล้หมดอายุหรือไม่
  • หากพบอาหารใกล้หมดอายุ ควรรีบบริโภคก่อนอาหารประเภทอื่น
  • หากบริโภคไม่ทัน สามารถนำมาบริจาคให้ทางมูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ ได้ ตามกูเกิลแมพด้านล่างนี้
    สถานที่บริจาค: https://goo.gl/maps/YNPiXBXMrFZaUzwRA

###

เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำด้านอาหารทะเลระดับโลกที่นำผลิตภัณฑ์อาหารทะเลคุณภาพสูง ดีต่อสุขภาพ อร่อย และสร้างสรรค์ มาสู่ลูกค้าทั่วโลกมาเป็นกว่า 45 ปี

ปัจจุบัน ไทยยูเนี่ยนถือได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอาหารทะเลชั้นนำของโลกและเป็นหนึ่งในผู้ผลิตปลาทูน่าในบรรจุภัณฑ์ชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีเกินกว่า 141,000 ล้านบาท (4,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และแรงงานทั่วโลกกว่า 44,000 คน ที่ทุ่มเทให้กับการบุกเบิกผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่สร้างสรรค์และยั่งยืน

ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar, Hawesta และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ OMG MEAT เบลลอตต้า และมาร์โว่ นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบอาหารภายใต้แบรนด์ UniQ®BONE และ UniQ®DHA และผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพแบรนด์ ZEAvita

ไทยยูเนี่ยนมีเป้าหมายเพื่อสร้าง "การมีสุขภาพที่ดี และท้องทะเลที่อุดมสมบูรณ์, Healthy Living, Healthy Oceans" โดยให้ความสำคัญกับสุขภาพผู้คน ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ท้องทะเล เราภาคภูมิใจในการเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact: UNGC) พร้อมทั้งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood

Sustainability Foundation: ISSF) และได้รับเกียรติเป็นประธาน SeaBOS หรือ Seafood Business for Ocean Stewardship ไทยยูเนี่ยนดำเนินงานด้านความยั่งยืนโดยยึดหลักกลยุทธ์ SeaChange® ที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ จากผลการประเมินงานด้านความยั่งยืนปี 2564 บริษัทได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices: DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่เป็นปีที่ 9 ปีติดต่อกัน นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index เป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน

สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำงานด้านความยั่งยืนของบริษัทได้ที่ seachangesustainability.org และ thaiunion.com