ไทยยูเนี่ยนผงาดที่งานประชุมนานาชาติ Trust Women Conference 2016

  • ไทยยูเนี่ยนผุดไอเดีย เสนอตั้ง “กองทุนชาวประมง” เพื่อช่วยแรงงงานที่ถูกกดขี่ในห่วงโซ่อุปทานอาหารทะเลให้มีอนาคตสดใส หลุดพ้นจากการทำงานในลักษณะทาส การถูกบังคับ และการมีเงื่อนไขผูกมัด
  • ไทยยูเนี่ยน แสดงความยินดีกับบริษัทฮิวเลตต์ แพคการ์ด เอ็นเตอร์ไพรส์ และบริษัทเอ็นเอ็กซ์พี
    เซมิคอนดัคเตอร์ ในการคว้ารางวัล Stop Slavery Award 2016 ซึ่งจัดโดยมูลนิธิธอมสัน รอยเตอร์ส
  • ไทยยูเนี่ยนร่วมถกประเด็นแรงงานกดขี่ในระบบห่วงโซ่อุปทาน

ภาพจาก: Trust Women Conference

2 ธันวาคม 2559 กรุงเทพฯ ประเทศไทยบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)  ร่วมงานประชุมนานาชาติ Trust Women Conference เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2559 ที่ผ่านมา ซึ่งหารือถึงวิธีการที่เป็นไปได้ในการส่งเสริมให้ผู้หญิงลุกขึ้นสู้กับการกดขี่ทั่วโลก ดร.แดเรียน แมคเบน ผู้อำนวยการกลุ่มการพัฒนาที่ยั่งยืน เป็นตัวแทนบริษัทฯเข้าร่วมงาน โดย ดร.แดเรียน ได้ร่วมวงเสวนาเพื่อหารือถึงการขจัดแรงงานกดขี่ออกไปจากระบบห่วงโซ่อุปทาน และได้เสนอการตั้งกองทุนชาวประมง ให้เป็นรูปธรรมโดยได้รับการสนับสนุนจาก Trust Women Conference นอกจากการเข้าร่วมงาน Trust Women Conference ของดร. แดเรียน แล้ว ในวันนี้ไทยยูเนี่ยนตอกย้ำความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืน ด้วยการเปิดตัวเว็ปไซต์ Seachange®  ซึ่งเป็นกลยุทธ์เพื่อความยั่งยืนของบริษัท

กองทุนชาวประมง (Fishers Fund)

ดร.แดเรียน เสนอโครงการที่เป็นรูปธรรม ที่งานประชุมนานาชาติ Trust Women Conference 2016 กับ
มร.แอนดรูว์ โกเลดซิโนวสกิ เอกอัคราชทูตออสเตรเลียด้านการลักลอบและการค้ามนุษย์ และนางเฟมิ โอ๊ค
ผู้ประกาศข่าว โดยการตั้งกองทุนชาวประมง คือการให้ทุนทรัพย์แก่แรงงานที่ได้รับการช่วยเหลือจากการกดขี่ ไทยยูเนี่ยนทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับองค์กรไม่แสวงหากำไรในประเทศไทย เช่น สถาบันอิศรา​ เครือข่ายสิทธิแรงงานข้ามชาติ (Migrant Worker Rights Network : MWRN) สเตลล่า มาริส และแอลพีเอ็น ในการทำโครงการนี้ ซึ่งจะช่วยให้แรงงานที่ได้รับการช่วยเหลือมีทุนทรัพย์ในการเลือกที่จะสร้างอนาคตอันสดใสให้กับแรงงานเหล่านั้นและครอบครัว รวมทั้งเป็นการคืนสิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีของพวกเขาด้วยการมอบอิสระในการเลือกให้แก่แรงงานเหล่านั้น ดร.แดเรียน ยังได้กระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมประชุมใช้ทักษะ ศักยภาพ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ที่มีทั้งหมดของพวกเขาในการช่วยกันจัดตั้งกองทุนชาวประมงนี้

การกดขี่แรงงานในลักษณะทาสยุคใหม่กระจายอยู่ในหลายภาคส่วนและหลายอุตสาหกรรม และมีผลต่อผู้บริโภคทั้งหมด  หน่วยงานส่วนใหญ่ในอุตสาหกรรมอาหารทะเลโลกพยายามจัดสภาพแวดล้อมในการทำงานและที่พักอาศัยที่เหมาะสมให้กับแรงงานและชาวประมง อย่างไรก็ตามการดำเนินงานในท้องทะเลยากแก่การกำกับดูแลเนื่องจากอยู่ห่างไกล และมีความลำบากในการติดตามความเคลื่อนไหว แรงงานข้ามชาติหลายรายมีเจตนาเพียงมุ่งหางานทำ แต่ต้องตกเป็นเหยื่อของนายหน้าหางานที่ไร้ศีลธรรม และในท้ายที่สุดแรงงานเหล่านั้นกลับมีหนี้สินรุงรัง ไม่มีเอกสารรับรองที่ถูกต้อง ต้องทำงานในสภาพแวดล้อมที่ย่ำแย่ และไม่สามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้ แม้เมื่อได้รับความช่วยเหลือออกจากสภาพเหล่านี้ เหยื่อของการค้ามนุษย์ยังไม่สามารถยืนด้วยตนเองได้ เนื่องจากไม่มีรายได้ ไม่มีที่พึ่ง ไม่มีงาน และอนาคตที่สดใสในประเทศที่ตนข้ามแดนไปหาเลี้ยงชีพ

“[กองทุนชาวประมง] เป็นการชดเชยหรืออาจเรียกได้ว่าเป็นกองทุนช่วยเหลือที่จำเป็นอย่างมากในการชดเชยและมีส่วนในการตั้งต้นชีวิตใหม่ของแรงงานข้ามชาติและแรงงานในประเทศหลายหมื่นคนในอุตสาหกรรมการประมงไทย ซึ่งในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมาจวบจนปัจจุบันยังเผชิญกับการกดขี่ในหลายรูปแบบ เช่น ระบบทาสยุคใหม่ การบังคับใช้แรงงาน และการค้ามนุษย์” มร.แอนดี้ ฮอลล์ ที่ปรึกษาฝ่ายต่างประเทศของเครือข่ายสิทธิแรงงานข้ามชาติ (MWRN) กล่าว “นี่เป็นก้าวที่กล้าหาญและน่าชื่นชม เรียกได้ว่าเป็นอีกพัฒนาการสำคัญของไทยยูเนี่ยน และ

 
สะท้อนถึงสิ่งที่เครือข่ายสิทธิแรงงานข้ามชาติ (MWRN) มองว่าเป็นพันธกิจที่แท้จริงของบริษัท ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่ประกอบธุรกิจอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อให้มั่นใจว่าเราจะมีอนาคตที่ดีและยั่งยืนขึ้นให้กับอุตสาหกรรมอาหารทะเลไทย รวมทั้งอนาคตที่ดีและยั่งยืนขึ้นสำหรับแรงงานสำคัญของบริษัท ซึ่งประกอบไปด้วยแรงงานข้ามชาติจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่าและประเทศกัมพูชา ที่ยังคงเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อการถูกกดขี่ในรูปแบบดังกล่าว”

แรงงานที่ถูกบังคับในอุตสาหกรรมอาหารทะเลไทย

ในการเสวนาบนเวที Trust Women Conference ในเรื่องแรงงานที่ถูกบังคับในห่วงโซ่อาหาร ดร.แดเรียน กล่าวถึงประเด็นการใช้แรงงานในลักษณะทาสในธุรกิจอาหารทะเลไทย และความพยายามของไทยยูเนี่ยนในการทำให้แรงงานในระบบห่วงโซ่อุปทานของไทยยูเนี่ยนเป็นแรงงานที่ปลอดภัยและถูกกฎหมาย ในวงเสวนานี้ประกอบไปด้วย มร.นิค โกรโน่ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกองทุนเพื่ออิสรภาพ Freedom Fund
มร.เควิน ไฮแลนด์ ตัวแทนจาก UK Independent Anti-Slavery Commissioner และวิทยากรจาก Primark และ Hilton

“ในการขจัดการใช้แรงงานในลักษณะทาสอย่างแท้จริงให้หมดไป ทั้งอุตสาหกรรมจำเป็นต้องทำงานร่วมกันเพื่อหาทางออกที่มีเครื่องพิสูจน์ได้และยั่งยืน นั่นหมายถึง ภาคธุรกิจ ภาครัฐ ภาคสังคม และแม้แต่ผู้บริโภคก็ต้องมีส่วนร่วมอย่างจริงจัง ดร.แดเรี่ยน” กล่าว

ท่านสามารถชมการนำเสนอโครงการกองทุนชาวประมง ของ ดร.แดเรียน ที่งานประชุมนานาชาติ Trust Women Conference 2016 ได้ที่http://www.trustwomenconf.com/videos/i/?id=b9f83ec1-5adb-4a80-928d-523b4dd8eb39&confYear=2016.

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการริเริ่มของไทยยูเนี่ยนในการทำให้แรงงานในระบบห่วงโซ่อุปทานเป็นแรงงานที่ปลอดภัยและถูกกฎหมาย ท่านสามารถศึกษาได้ที่ SeaChange® เว็บไซต์ใหม่ของไทยยูเนี่ยน: https://seachangesustainability.org/.