ไทยยูเนี่ยน เข้าลงทุนเชิงกลยุทธ์ในธรรมชาติซีฟู้ด รีเทล

บรรยายภาพ: ภาพมร. จูเลียน จี เดวี่ส์ (ซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธรรมชาติซีฟู้ด และคุณยี่หร่าน จี เดวี่ส์ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท ไทยยูเนี่ยนเข้าถือหุ้นในบริษัท ธรรมชาติซีฟู้ด รีเทล จำกัด ซึ่งเป็นผู้ให้บริการจัดการอย่างมืออาชีพด้านเคาน์เตอร์อาหารทะเลแก่ผู้ประกอบการค้าปลีกของไทย

25 มิถุนายน 2561, กรุงเทพฯ — บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และบริษัท ธรรมชาติซีฟู้ด รีเทล จำกัด (TSR) เผยวันนี้ว่า ไทยยูเนี่ยนได้ตกลงเข้าถือหุ้นร้อยละ 25.1 ของธรรมชาติซีฟู้ด ซึ่งคิดเป็นเงินลงทุนประมาณ 37 ล้านบาท

บริษัท ธรรมชาติซีฟู้ด ก่อตั้งเมื่อปี 2550 เพื่อให้บริการจัดการอย่างมืออาชีพด้านเคาน์เตอร์อาหารทะเลแก่ผู้ประกอบการค้าปลีกของไทย โดยมีเคาน์เตอร์อาหารทะเลให้บริการสินค้าทั้งแบบสดและแบบแช่แข็ง 158 แห่งในประเทศไทย ซึ่งรวมถึงกลุ่มร้านอาหารและเครื่องดื่ม โดยมีแนวคิด 2 รูปแบบ คือ เดอะ ดอค ซีฟู้ดบาร์ (The Dock Seafood Bar) เดอะ ล็อบสเตอร์ แล็บ (The Lobster Lab) ซึ่งมี 8 สาขา นอกจากนี้ยังมีให้บริการแบบโอเชียนบาร์ (Ocean Bar) ซึ่งปัจจุบันธรรมชาติซีฟู้ดสามารถทำยอดขายได้มากกว่า 660 ล้านบาท

ทั้งนี้ข้อตกลงดังกล่าวคาดว่าจะเสร็จสิ้นในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2561

บรรยายภาพ: บริษัท ธรรมชาติซีฟู้ด จำกัด ดำเนินธุรกิจในกลุ่มร้านอาหารและเครื่องดื่ม โดยมีแนวคิดการดำเนินการ 2 รูปแบบ คือ เดอะ ดอค ซีฟู้ดบาร์ (ตามภาพ) และ เดอะ ล็อบสเตอร์ แล็บ ซึ่งมี 8 สาขา รวมทั้งการให้บริหารแบบโอเชียนบาร์

มร. จูเลียน จี เดวี่ส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคุณยี่หร่าน จี เดวี่ส์ ผู้ร่วมก่อตั้ง ของบริษัท ธรรมชาติซีฟู้ด ในช่วงแรกจะยังเป็นผู้ถือหุ้นหลักและดูแลการดำเนินการธุรกิจ ทั้งนี้เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนต่างๆ ไทยยูเนี่ยนคาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้นเป็นร้อยละ 65 ในปี 2562

ไทยยูเนี่ยน ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย เช่น ซีเล็ค ฟิชโช และคิวเฟรช จะสามารถใช้ประโยชน์จากกลุ่มร้านอาหารทะเลของธรรมชาติซีฟู้ด อย่างเช่น เดอะ ดอค และกลุ่มร้านให้บริการขนาดเล็ก เช่น เดอะ ล็อบสเตอร์ แล็บ รวมทั้งความเป็นไปได้ในการจัดหาสินค้าให้กับธรรมชาติซีฟู้ดในกลุ่มธุรกิจค้าปลีก

“ไทยยูเนี่ยนเข้าลงทุนในธรรมชาติซีฟู้ด เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์อาหารทะเลประเภทแช่เย็นและรมควันร่วมกับธรรมชาติซีฟู้ด” นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารไทยยูเนี่ยนกรุ๊ป กล่าว “การลงทุนนี้เป็นการเดินหน้าเชิงกลยุทธ์เพื่อเจาะกลุ่มธุรกิจค้าปลีกอย่างรวดเร็ว โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ไทยยูเนี่ยนเพิ่งเปิดตัวผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็งภายใต้แบรนด์ คิวเฟรช ไป ทั้งนี้ไทยยูเนี่ยนและธรรมชาติซีฟู้ดเชื่อว่า นี่จะเป็นการนำผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแบบแช่เย็นและรมควันที่มีมาตรฐานและคุณภาพระดับสูงมาบริการให้แก่ผู้บริโภคของเราอย่างดีที่สุด

“นอกจากนี้ การลงทุนดังกล่าวยังสอดคล้องกับเป้าหมายของไทยยูเนี่ยนที่จะขยายการเติบโตในตลาดเอเชีย รวมถึงประเทศไทย ซึ่งเราได้เห็นการเติบโตตัวเลขแบบสองหลักในธุรกิจอาหารแช่แข็งของเราในปีที่ผ่านมา”

“ผมยินดีกับการควบรวมครั้งนี้” มร. จูเลียน กล่าว “การทำงานร่วมกับไทยยูเนี่ยนจะทำให้ธรรมชาติซีฟู้ดสามารถดำเนินตามกลยุทธ์การเติบโตและมีรากฐานที่แข็งแกร่งทั่วประเทศไทย โดยการเพิ่มความสามารถของเราเพื่อส่งมอบคุณค่าที่เหนือกว่าให้กับลูกค้าของเรา รวมถึงพนักงานและผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง”

###

เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลของโลก ซึ่งส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรม รสชาติดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีคุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคทั่วโลกมากกว่า 40 ปี

วันนี้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าบรรจุภาชนะชนิดต่าง ๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีมากกว่า 1.35 แสนล้านบาท (4.03 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีพนักงานทั่วโลกรวมกันมากกว่า 49,000 คน ซึ่งล้วนทุ่มเทเพื่อผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรมและความยั่งยืน

ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วยแบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar, และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ เบลลอตต้า และมาร์โว่

จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบทั่วโลก ไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืน

ของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation – ISSF) ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเรื่องมาโดยตลอดในเรื่องดังกล่าว จนส่งผลโดยรวมให้ไทยยูเนี่ยนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่มาตั้งแต่ปี 2557 และในปี 2559 ไทยยูเนี่ยนได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของ DJSI เป็นปีที่สามติดต่อกัน  นอกจากนี้ ไทยยูเนี่ยนได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี  FTSE4Good Emerging Index อีกด้วย  

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ

อภิรดี ภู่ภิรมย์ (พิต้า)
Consumer Marketing Communications Lead
มือถือ: +66.81.802.6933
อีเมล: Apiradee.Poopirom@thaiunion.com