ไทยยูเนี่ยนจับมือมาร์ส เพ็ทแคร์ เปิดตัววิดีโอสั้นชิ้นล่าสุด ชูสิทธิมนุษยชนและช่องทางการสื่อสารของแรงงาน ในอุตสาหกรรมประมงไทย

บรรยายใต้ภาพ: ภาพชาวประมงใช้โทรศัพท์มือถือบนเรือประมงทางตอนใต้ของไทย ซึ่งเป็นบริเวณที่ไทยยูเนี่ยน และมาร์ส เพ็ทแคร์ ร่วมกันดำเนินโครงการนำร่องระบบตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งที่มาของวัตถุดิบด้วยดิจิทัล เพื่อช่วยส่งเสริมด้านสิทธิมนุษยชนและให้แรงงานมีโอกาสติดต่อสื่อสารเมื่อออกทะเล (ภาพโดย: ไทยยูเนี่ยน)

10 มกราคม 2561 กรุงเทพฯ — บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และบริษัทมาร์ส เพ็ทแคร์ ร่วมกันเปิดตัววิดีโอสั้นในโครงการนำร่องระบบตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งที่มาของวัตถุดิบด้วยนวัตกรรมดิจิทัล ซึ่งพัฒนาร่วมกับพันธมิตรในอุตสาหกรรม และหน่วยงานภาครัฐ ในการช่วยส่งเสริมสิทธิมนุษยชนในอุตสาหกรรมอาหารทะเล

เนื้อหาวิดีโอดังกล่าวแสดงถึงการติดตั้งระบบ “Fleet One” ของ Inmarsat บนเรือประมงในประเทศไทย รวมทั้งการแนะนำวิธีการใช้แอปพลิเคชันต่างๆ ในการติดต่อสื่อสารกับครอบครัวและเพื่อนให้กับลูกเรือ กัปตัน และเจ้าของเรือในขณะออกทะเล ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมประมงไทยที่มีการติดตั้งระบบดังกล่าว

“ส่วนหนึ่งของพันธกิจของเราต่อความยั่งยืน เราเชื่อว่า เรามีความสามารถและควรมีบทบาทในการเพิ่มโอกาสให้ผู้คนได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีทั้งในสถานประกอบการและในชุมชนทุกที่ที่เราดำเนินงาน” นางอิซาแบล เอลโวเอ็ท ผู้อำนวยการกลุ่มความยั่งยืนบริษัท มาร์ส เพ็ทแคร์ กล่าว “เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ทำงานร่วมกับไทยยูเนี่ยนและพันธมิตรต่างๆ ในด้านสิทธิมนุษยชน โครงการนี้ได้สร้างมาตรฐานใหม่ในมุมมองด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมให้กับระบบห่วงโซ่อุปทานอาหารทะเล”

โครงการนำร่องนี้มีศักยภาพในการปรับปรุงความสามารถในการตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งที่มาของวัตถุดิบ และความโปร่งใสทั่วทั้งน่านน้ำไทย รวมไปถึงอุตสาหกรรมประมงโลกในภาพรวม เนื่องจากหลายประเด็นในประเทศไทย เป็นประเด็นที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกันกับการประมงที่ในพื้นที่อื่นทั่วโลก 

การตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งที่มาของวัตถุดิบ คือ การตรวจสอบผลิตภัณฑ์ตั้งแต่แหล่งต้นกำเนิด ไปจนถึงการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภค ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการยืนยันถึงความปลอดภัยและการจ้างงานที่ถูกกฎหมาย ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อแรงงาน ผู้ผลิต และผู้บริโภค โดยเป็นการนำความโปร่งใสอย่างเป็นรูปธรรมมาสู่ทั้งระบบ

“การให้แรงงานได้ติดต่อสื่อสารกับบุคคลภายนอกขณะอยู่ในท้องทะเลไม่ได้เกิดขึ้นในทุกประเทศ หลายประเด็นที่เราพบในประเทศไทยสะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในชุมชนการทำประมงอื่นทั่วโลก" ดร. แดเรี่ยน แมคเบน ผู้อำนวยการกลุ่มการพัฒนาที่ยั่งยืนของไทยยูเนี่ยนกล่าว "นับเป็นครั้ง

แรกที่แรงงานในท้องทะเลในประเทศไทยสามารถสื่อสารกลับมาบนฝั่งได้ พวกเขาสามารถติดต่อกับคนในครอบครัว ทราบข่าวสารต่างๆ ที่เกิดขึ้น สอบถามสารทุกข์ และแน่นอน หากมีประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชนเกิดขึ้น พวกเขาสามารถติดต่อกลับมายังภาคพื้นดินและแจ้งให้ทราบได้  

ท่านสามารถชมวิดีโอนี้ได้ที่ช่อง YouTube ของไทยยูเนี่ยน ตามลิงค์นี้ https://youtu.be/ckNg5gszHio 

ในเดือนพฤศจิกายน 2559 ไทยยูเนี่ยนและมาร์ส เพ็ทแคร์ ร่วมกันเผยแพร่วิดีโอเกี่ยวกับโครงการนำร่องนี้ ซึ่งเน้นไปที่การตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งที่มาของวัตถุดิบด้วยระบบดิจิทัล และในปีนี้ ทั้งสองบริษัทมีโครงการจะเผยแพร่วิดีโอชิ้นสุดท้ายซึ่งจะเน้นไปที่บันทึกการเดินทางแบบอิเล็กทรอนิกส์ 

โครงการนำร่องการตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งที่มาของวัตถุดิบด้วยระบบดิจิทัล สอดคล้องกับ SeaChange® กลยุทธ์ความยั่งยืนของไทยยูเนี่ยน ซึ่งให้ความสำคัญเรื่องการตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งที่มาของวัตถุดิบ เพราะเป็นหัวใจหลักของกลยุทธ์ความยั่งยืน ท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ SeaChange® ได้ที่ http://seachangesustainability.org/.

###

เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลของโลก ซึ่ง ส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรม รสชาติดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีคุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคทั่วโลกมาเป็นเวลาเกือบ 40 ปี

วันนี้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าบรรจุภาชนะชนิดต่าง ๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีมากกว่า 125 พันล้านบาท (3.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีพนักงานทั่วโลกรวมกันมากกว่า 46,000 คน ซึ่งล้วนทุ่มเทเพื่อผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรมและมีความยั่งยืน

ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช เบลลอตต้า และมาร์โว่

จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบทั่วโลก ไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาโดยตลอดในเรื่องดังกล่าว จนส่งผลโดยรวมให้ไทยยูเนียนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่มาตั้งแต่ปี 2557 และในปี 2560 ไทยยูเนี่ยนได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของ DJSI เป็นปีที่สี่ติดต่อกัน  นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี  FTSE4Good Emerging Index เมื่อเร็วๆ นี้อีกด้วย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ

คุณวิสาขา จันทกิจ
บมจ. ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป
มือถือ: +66.81.845.7316
อีเมล: Wisaka.Chantakit@thaiunion.com