เฉลิมฉลองวันทะเลโลก พนักงานไทยยูเนี่ยนจากทั่วโลก กว่า 460 คน ร่วมกันเก็บขยะได้กว่า 10 ตัน

กรุงเทพฯ – 22 มิถุนายน 2566 – บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจอาหารทะเลระดับโลกตอกย้ำพันธกิจของบริษัทในการดูแลรักษาความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเล จัดโครงการเก็บขยะทั่วโลกในวันทะเลโลก โดยมีพนักงานอาสาสมัครจากกลุ่มบริษัทไทยยูเนี่ยน จากภูมิภาคต่างๆ ประกอบด้วย ประเทศไทย ยุโรป และแอฟริกา

กิจกรรมดังกล่าวเก็บขยะได้ทั้งหมด 10,016 กิโลกรัม (10 ตันโดยประมาณ) จากสถานที่ทั้ง 8 แห่งได้แก่ บริเวณป่าชายเลน ชายหาด และแม่น้ำ ในประเทศไทย กานา โปรตุเกส อิตาลี และฝรั่งเศส ประเภทของขยะที่ถูกเก็บได้มากที่สุดได้แก่ ถุงพลาสติก ขวดพลาสติก โฟม อุปกรณ์ประมงเก่า และก้นบุหรี่

โครงการเก็บขยะนี้ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการรณรงค์ระดับโลกของ SeaBOS (Seafood Business for Ocean Stewardship) และ Ocean Conservancy เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อม โดยไทยยูเนี่ยนเป็นหนึ่งในสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้ง SeaBOS

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป และปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานกรรมการของ SeaBOS กล่าวว่า “ในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมอาหารทะเลระดับโลก ทะเลจึงมีความสำคัญต่อธุรกิจของเรา และเราตระหนักถึง การดำเนินงานต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าทะเลจะมีความอุดมสมบูรณ์สำหรับอนาคตของธุรกิจเรา แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่านั้นคือเพื่ออนาคตของโลกเรา ด้วยเหตุนี้เราจึงมุ่งมั่นและให้ความสำคัญกับกิจกรรมรณรงค์เก็บขยะในวันทะเลโลก และเราจะคงดำเนินการต่อไป”

ในประเทศไทย มีอาสาสมัครจำนวน 38 คนที่มาจากบมจ. ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป บมจ. ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น บจ. ไทยรวมสินพัฒนาอุตสาหกรรม บจ. โอคินอสฟู้ด และบจ. แพ็คฟู้ด พร้อมด้วยอาสาสมัครอีกจำนวน 312 คนจากหน่วยงานราชการในท้องถิ่น กลุ่มเครือข่ายชุมชน และสถาบันการศึกษา ในจังหวัดสมุทรสาคร ร่วมกันเก็บขยะได้จำนวน 2,183 กิโลกรัม ในบริเวณพื้นที่ป่าชายเลน

ในประเทศกานา ซึ่งไทยยูเนี่ยนมีโรงงาน Pioneer Food Cannery (PFC) มีพนักงานและสมาชิกในชุมชนจำนวน 300 คน ร่วมกันเก็บขยะชายหาดบริเวณท่าเรือและพื้นที่โดยรอบโรงงาน ในเมืองเทมา โดยสามารถเก็บขยะได้ถึง 7.5 ตัน และอุปกรณ์ประมงเก่า นอกจากนี้โรงงาน European Seafood Investment Portugal (ESIP) ซึ่งเป็นโรงงานของไทยยูเนี่ยนในประเทศโปรตุเกส มีอาสาสมัครจำนวน 40 คน ช่วยกันเก็บขยะจำนวน 80 กิโลกรัมที่ชายหาด ในเมือง Peniche ซึ่งเป็นเมืองที่โรงงาน ESIP ตั้งอยู่

Mareblu ซึ่งเป็นแบรนด์ภายใต้บริษัทฯ ในประเทศอิตาลี ได้ร่วมกับพันธมิตรอย่าง Legambiente ซึ่งเป็นองค์การนอกภาครัฐ โดยมีอาสาสมัครจำนวน 30 คน ช่วยกันเก็บขยะบริเวณชายหาดของ Genova Sturla ในแคว้น Liguria ส่วนในประเทศฝรั่งเศส ทีมพนักงานจากแบรนด์ Petit Navire แบรนด์ MerAlliance และไทยยูเนี่ยนยุโรป ได้มีการจัดกิจกรรมเก็บขยะขึ้น 4 ครั้ง โดยมีอาสาสมัครจำนวน 59 คน สามารถเก็บขยะได้ถึง 236 กิโลกรัมจากบริเวณชายหาด และแม่น้ำ Odet ซึ่งอยู่ใกล้กับโรงงานในแคว้น Brittany รวมถึงบริเวณรอบตึกสำนักงานในเมืองปารีส

นายอดัม เบรนนัน ผู้อำนวยการกลุ่ม ด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนของไทยยูเนี่ยน กล่าวว่า “ที่ไทยยูเนี่ยน เรามีพันธกิจที่จะดูแลรักษาความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเล และเราทำงานอย่างหนักเพื่อให้มั่นใจว่าท้องทะเลจะมีความอุดมสมบูรณ์ นอกจากการทำความสะอาดชายหาดแล้ว เรากำลังจัดการกับปัญหาที่มาจากแหล่งต้นทางอีกด้วย โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ไทยยูเนี่ยนได้ทำงานร่วมกับ Global Ghost Gear Initiative เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาอุปกรณ์ประมงที่ถูกทอดทิ้ง สูญหาย หรือที่ถูกทิ้งลงในทะเล

“ในเดือนหน้า ไทยยูเนี่ยนจะประกาศโครงการริเริ่มใหม่หลายโครงการเพื่อความอุดมสมบูรณ์ของทะเล ผ่านกลยุทธ์ความยั่งยืนSeaChange® 2030 ที่มีพันธกิจและเป้าหมายในการดำเนินงานใหม่จนถึงปี 2573

สำหรับขยะที่เก็บได้ในครั้งนี้ถูกนำมาคัดแยกประเภทและบันทึกข้อมูลตามแนวทางของ International Coastal Cleanup โดยขยะบางประเภทที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้จะถูกดำเนินการโดยบริษัทที่รับจัดการขยะในพื้นที่ ส่วนขยะที่ไม่สามารถนำไปรีไซเคิลได้จะถูกส่งต่อไปยังหน่วยงานกำจัดขยะในพื้นที่

ทั้งนี้ ตั้งแต่ไทยยูเนี่ยน เข้าร่วมโครงการรณรงค์เก็บขยะชายฝั่งทั่วโลกกับ SeaBOS ในปี 2564 อาสาสมัครจากไทยยูเนี่ยนทั่วทุกภูมิภาคได้เก็บขยะไปแล้วเป็นจำนวน 14,135 กิโลกรัม

เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำด้านอาหารทะเลระดับโลกที่นำผลิตภัณฑ์อาหารทะเลคุณภาพสูง ดีต่อสุขภาพ อร่อย และสร้างสรรค์ มาสู่ลูกค้าทั่วโลกมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2520

ปัจจุบัน ไทยยูเนี่ยนถือได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอาหารทะเลชั้นนำของโลกและเป็นหนึ่งในผู้ผลิตปลาทูน่าในบรรจุภัณฑ์ชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีเกินกว่า 155,586 ล้านบาท (4,438 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และแรงงานทั่วโลกกว่า 44,000 คน ที่ทุ่มเทให้กับการบุกเบิกผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่สร้างสรรค์และยั่งยืน

ปัจจุบันไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar, Hawesta และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ OMG MEAT เบลลอตต้า และมาร์โว่ นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบอาหารภายใต้แบรนด์ UniQ®BONE และ UniQ®DHA และผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพแบรนด์ ZEAvita

ไทยยูเนี่ยนมีเป้าหมายเพื่อสร้าง "การมีสุขภาพที่ดี และท้องทะเลที่อุดมสมบูรณ์, Healthy Living, Healthy Oceans" โดยให้ความสำคัญกับสุขภาพผู้คน ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ท้องทะเล เราภาคภูมิใจในการเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact: UNGC) พร้อมทั้งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) และได้รับเกียรติเป็นเป็นประธาน SeaBOS หรือ Seafood Business for Ocean Stewardship ไทยยูเนี่ยนดำเนินงานด้านความยั่งยืนโดยยึดหลักกลยุทธ์ SeaChange® ที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ จากผลการประเมินงานด้านความยั่งยืนปี 2565 บริษัทได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices: DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่เป็นปีที่ 9 ปีติดต่อกันและได้อันดับ 1 ในกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหารซึ่งไทยยูเนี่ยนเคยได้ในปี 2561 และปี 2562 นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index เป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน

สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำงานด้านความยั่งยืนของบริษัทได้ที่ seachangesustainability.org.