ไทยยูเนี่ยนเข้าลงทุนในเจลลาเจน สตาร์ทอัพเทคโนโลยีชีวภาพการแพทย์ด้านคอลลาเจน

  • ไทยยูเนี่ยนเข้าลงทุนในสตาร์ทอัพที่ผลิตคอลลาเจนจากแมงกระพรุน เสริมทัพธุรกิจด้านเทคโนโลยีชีวภาพ
  • เจลลาเจนคือหนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านคอลลาเจนชีวภาพและมีสำนักใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองคาร์ดิฟฟ์ สหราชอาณาจักร

กรุงเทพฯ – 8 ธันวาคม 2565บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ประกาศเข้าร่วมกับผู้ร่วมลงทุนเชิงกลยุทธ์รายอื่น ๆ ในการลงทุนกับบริษัท เจลลาเจน บริษัทสตาร์ทอัพของประเทศอังกฤษ ในรอบการระดมทุนซีรีย์เอที่ทางเจลลาเจนได้ระดมเงินทั้งสิ้น 8.7 ล้านปอนด์ การลงทุนของไทยยูเนี่ยนในครั้งนี้เป็นการลงทุนผ่านกองทุน Venture Fund ของบริษัท

บริษัท เจลลาเจน ก่อตั้งขึ้นในปี 2558 โดยเป็นบริษัททางด้านเทคโนโลยีชีวภาพทางการแพทย์ ที่พัฒนาคอลลาเจน ในรูปแบบของวัสดุชีวภาพ จากแมงกระพรุน โดยมีพันธกิจในการปฏิวัติเวชศาสตร์ฟื้นสภาพ หรือ ศาสตร์การรักษาโรคต่างๆ ผ่านการเข้าไปฟื้นฟูความเสื่อมของร่างกายโดยลงลึกไปถึงระดับเซลล์ ด้วยเครื่องมือทางการแพทย์และวิธีการเพาะเลี้ยง การศึกษาเบื้องต้นจากเจลลาเจนพิสูจน์ได้ว่า คอลลาเจน ชนิด 0 ซึ่งมาจากแมงกระพรุน มีคุณสมบัติที่ดีกว่าคอลลาเจนจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม โดยเฉพาะในทางการรักษาและการแพทย์ การระดมทุนในรอบนี้จะถูกนำไปใช้ในการเร่งการพัฒนาทางการแพทย์ให้กับคอลลาเจน ชนิด 0 ตลอดจนวัสดุชีวภาพคอลลาเจนที่มีความยั่งยืน ที่จะถูกใช้ในการรักษาโรคทางผิวหนัง และเป็นวัสดุชีวภาพสำหรับการสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาใหม่

การลงทุนของไทยยูเนี่ยนในเจลลาเจนในครั้งนี้จะเปิดโอกาสให้เกิดความร่วมมือทั้งในด้านการจัดหาวัตถุดิบ การผลิต และการนำไปใช้ในสินค้าที่ไทยยูเนี่ยนมีอยู่และสินค้าที่พัฒนาขึ้นในอนาคต

บรรยายภาพ: คอลลาเจนชนิด 0 ของบริษัท เจลลาเจน (เครดิตภาพ: เจลลาเจน)

ธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมอาหารทะเล เราพยายามอย่างยิ่งในการยกระดับนวัตกรรมในธุรกิจและสินค้าของเรา เจลลาเจนนั้นถือเป็นผู้นำในการวิจัยคอลลาเจนจากแมงกระพรุนและกำลังพัฒนารูปแบบคอลลาเจนจากทะเล ซึ่งจะได้นำมาใช้ในการแพทย์ เครื่องสำอาง อาหารและโภชนาการ ไทยยูเนี่ยนหวังที่จะได้ร่วมงานทั้งในด้านการวิจัยและพัฒนา รวมถึงโรงงานผลิตทั่วโลก”

โธมัส-พอล เดสแคมปส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจลลาเจน กล่าวว่า “นับเป็นความสำเร็จและก้าวที่สำคัญสำหรับการลงทุนที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าธุรกิจในครั้งนี้จากไทยยูเนี่ยน ผมอยากขอบคุณไทยยูเนี่ยนที่ไว้วางใจในทีมเจลลาเจนและแพลตฟอร์มเทคโนโลยีของเราที่มีศักยภาพอย่างมาก การลงทุนในครั้งนี้จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของเจลลาเจนในฐานะผู้นำด้านวัสดุชีวภาพและเครื่องมือแพทย์ระดับโลกในอนาคต นอกจากนี้ การลงทุนนี้ยังจะช่วยในการจัดการวัตถุดิบของเจลลาเจนและขยายกำลังการผลิตในอนาคต และเมื่อประกอบกับโอกาสและความเป็นไปได้ของคอลลาเจนชนิด 0 รวมถึงการเป็นผู้เล่นใหญ่ในอุตสาหกรรมแล้ว จะช่วยให้เทคโนโลยีของเจลลาเจนเติบโตได้อีกมาก”

ไทยยูเนี่ยนได้จัดตั้งกองทุน venture fund ขึ้นในปี 2562 โดยมุ่งลงทุนในสตาร์ทอัพที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับโปรตีนทางเลือก สารอาหารเพื่อสุขภาพ และเทคโนโลยีชีวภาพ ตลอดจนห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจอาหาร และการลงทุนเชิงกลยุทธ์ต่างๆ โดยกองทุนนี้จะลงทุนและทำงานร่วมกับบริษัทต่างๆ ตั้งแต่เริ่มต้นเพื่อร่วมมือและสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาให้สอดคล้องไปกับความมุ่งมั่นของบริษัทการดูแลความเป็นอยู่ของผู้คนควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ทรัพยากรของท้องทะเล หรือ Healthy Living, Healthy Oceans

สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Venture Capital ได้ที่นี่ thaiunion.com/en/innovation/thai-union-ventures

###

เกี่ยวกับเจลลาเจน

บริษัท เจลลาเจน จำกัด เป็นบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพทางการแพทย์ที่ดำเนินธุรกิจผลิตคอลลาเจนแห่งอนาคตชนิด 0 เพื่อการใช้ในการวิจัยทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ พันธกิจเชิงกลยุทธ์ของบริษัทคือการผลิตคอลลาเจนจากท้องทะเลในเชิงธุรกิจด้วยเหตุผลที่คอลลาเจนชนิดดังกล่าวมีข้อได้เปรียบดีกว่าชนิดที่ผลิตจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม พร้อมไปกับการหาโอกาสในการรักษาใหม่ๆ ที่ได้จากคุณสมบัติของคอลลาเจนชนิด 0 ในฐานะวัสดุชีวภาพ
โมเดลธุรกิจของเจลลาเจนมีพื้นฐานอยู่บนความเชื่อในการสร้างแหล่งที่ยั่งยืนของวัสดุชีวภาพสำคัญๆ เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาแหล่งคอลลาเจนตามธรรมชาติเพียงอย่างเดียว อีกทั้งยังดีต่อสุขภาพของคนและสิ่งแวดล้อม การวิจัยและพัฒนากลยุทธ์ของบริษัทให้ความสำคัญกับการสร้างความร่วมมือกับสถาบันทางการแพทย์ต่างๆ ที่มีชื่อเสียงเพื่อร่วมค้นคว้าการใช้คอลลาเจนชนิด 0 ร่วมกันในการรักษาโรคผิวหนังและใช้เป็นวัสดุชีวภาพในการสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาใหม่
บริษัทก่อตั้งที่เมืองคาร์ดิฟฟ์ เวลส์ ในปี 2558 เจลลาเจนได้ทำการตลาดผลิตภัณฑ์คอลลาเจนแห่งอนาคตชนิด 0 เพื่อใช้ในการวิจัย ในขณะเดียวกันก็มีการพัฒนาสูตรคอลลาเจนที่ใช้ในการรักษาและการแพทย์ จากการวิจัยของศาสตราจารย์ แอนดรูว์ เมิร์นส์ สแปร๊กก์ คอลลาเจนที่อยู่ในสินค้าของเจลลาเจนนั้นได้รับการสกัดจาก Rhizostoma pulmo แมงกระพรุนยักษ์สายพันธ์เก่าแก่ในแถบทะเลไอริช ความคิดเห็นต่องานวิจัยชิ้นนี้รวมถึงเอกสารแนะนำการใช้จากบริษัทเองได้แสดงให้เห็นว่าคอลลาเจนชนิด 0 มีข้อได้เปรียบต่างๆ เหนือคอลลาเจนจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั้งในแง่การวิจัยและการแพทย์

เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำด้านอาหารทะเลระดับโลกที่นำผลิตภัณฑ์อาหารทะเลคุณภาพสูง ดีต่อสุขภาพ อร่อย และสร้างสรรค์ มาสู่ลูกค้าทั่วโลกมาเป็นกว่า 45 ปี

ปัจจุบัน ไทยยูเนี่ยนถือได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอาหารทะเลชั้นนำของโลกและเป็นหนึ่งในผู้ผลิตปลาทูน่าในบรรจุภัณฑ์ชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีเกินกว่า 141,000 ล้านบาท (4,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และแรงงานทั่วโลกกว่า 44,000 คน ที่ทุ่มเทให้กับการบุกเบิกผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่สร้างสรรค์และยั่งยืน

ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar, Hawesta และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ OMG MEAT เบลลอตต้า และมาร์โว่ นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบอาหารภายใต้แบรนด์ UniQ®BONE และ UniQ®DHA และผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพแบรนด์ ZEAvita

ไทยยูเนี่ยนมีเป้าหมายเพื่อสร้าง "การมีสุขภาพที่ดี และท้องทะเลที่อุดมสมบูรณ์, Healthy Living, Healthy Oceans" โดยให้ความสำคัญกับสุขภาพผู้คน ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ท้องทะเล เราภาคภูมิใจในการเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact: UNGC) พร้อมทั้งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) และได้รับเกียรติเป็นเป็นประธาน SeaBOS หรือ Seafood Business for Ocean Stewardship ไทยยูเนี่ยนดำเนินงานด้านความยั่งยืนโดยยึดหลักกลยุทธ์ SeaChange® ที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ จากผลการประเมินงานด้านความยั่งยืนปี 2564 บริษัทได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices: DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่เป็นปีที่ 8 ปีติดต่อกัน

นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index เป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน
สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำงานด้านความยั่งยืนของบริษัทได้ที่ seachangesustainability.org.