ไทยยูเนี่ยน แชร์ข้อมูลการแก้ปัญหาความเสี่ยงแรงงานทาสยุคใหม่ในห่วงโซ่อุปทานแก่นักธุรกิจออสเตรเลีย

บรรยายภาพ: ดร. แดเรี่ยน แมคเบน ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมกิจการองค์กรและความยั่งยืนของไทยยูเนี่ยน ให้ข้อมูลถึงวิธีการที่บริษัทต่างๆ สามารถรับมือกับความเสี่ยงแรงงานทาสยุคใหม่ในห่วงโซ่อุปทานของตนเอง ที่งานประชุมซึ่งจัดโดยรัฐบาลออสเตรเลีย ณ นครซิดนีย์

27 มิถุนายน 2562, นครซิดนีย์, ประเทศออสเตรเลีย — ดร. แดเรี่ยน แมคเบน ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมกิจการองค์กรและความยั่งยืน บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความท้าทายที่สำคัญของการเผชิญปัญหาแรงงานทาสยุคใหม่ กับบริษัทต่างๆ ของออสเตรเลียที่เตรียมรับมือกับความเสี่ยงแรงงานทาสยุคใหม่ในห่วงโซ่อุปทานของตนเอง

การประชุมเรื่อง “การใช้กฎหมายแรงงานทาสยุคใหม่ของออสเตรเลีย – รู้จักห่วงโซ่อุปทานของคุณ” จัดขึ้นที่นครซิดนีย์ ซึ่งดร. แดเรี่ยน กล่าวในที่ประชุมว่า ภาคธุรกิจต้องทำงานร่วมกับภาครัฐ ภาคประชาสังคม และบริษัทอื่นๆ เพราะเพียงแค่บริษัทเดียวไม่สามารถแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับแรงงานทาสยุคใหม่ได้โดยลำพัง

“บริษัทต่างๆ สามารถดำเนินการและปฏิบัติตามนโยบายความยั่งยืนได้ เพียงใช้ความร่วมมือและการทำงานร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียที่หลากหลาย บวกความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าซึ่งสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนอย่างแท้จริง” ดร. แดเรี่ยน กล่าวในที่ประชุมซึ่งจัดขึ้นโดย Department of Home Affairs ของออสเตรเลีย

ผู้เข้าร่วมการประชุมประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลออสเตรเลีย กรรมาธิการต่อต้านการค้าทาสของสหราชอาณาจักร ดาม ซาร่า ธอร์นตัน และบริษัทระดับโลกต่างๆ เช่น แอปเปิ้ล อิเกีย เนสท์เล่ ฮิลตัน และอาดิดาส การประชุมแบบนี้ครั้งแรกในออสเตรเลีย ถูกออกแบบมาเพื่อเช่วยให้นักธุรกิจของออสเตรเลียได้ประเมินและจัดการความเสี่ยงของแรงงานทาสยุคใหม่ในห่วงโซ่อุปทานของพวกเขา และการดำเนินงานเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายแรงงานทาสยุคใหม่ ฉบับปี 2561 (Commonwealth Modern Slavery Act 2018)

บรรยายภาพ: ดร.แดเรี่ยน แมคเบน ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมกิจการองค์กรและความยั่งยืนของไทยยูเนี่ยน กล่าวในงานประชุมที่นครซิดนีย์ว่า ภาคธุรกิจต้องทำงานร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียที่หลากหลาย ถ้าต้องการประสบความสำเร็จในการจัดการความเสี่ยงแรงงานทาสยุคใหม่ในห่วงโซ่อุปทานของตนเอง

เมื่อกล่าวถึงแรงกดดันที่ประเทศไทยต้องเผชิญในปี 2558 เพื่อดำเนินการเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนในอุตสาหกรรมอาหารทะเล ดร.แดเรี่ยนแสดงความคิดเห็นว่า “แม้ว่า สภาพแวดล้อมจะมีความท้าทายอย่างมาก ดิฉันมองว่านี้คือ โอกาสที่จะผลักดันการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกตลอดทั้งอุตสาหกรรมประมงทั่วโลก และดิฉันอยากให้ไทยยูเนี่ยนเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงนี้” ดร.แดเรี่ยน กล่าวต่อว่า “สิ่งที่สำคัญตลอดทั้งกระบวนการนี้คือ การรับฟังเสียงของแรงงานซึ่งเป็นหัวใจของการต่อสู้กับแรงงานทาสยุคใหม่และการบังคับใช้แรงงาน เพื่อที่เราจะได้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงกำลังเกิดขึ้น

ดร. แดเรี่ยน ยังกล่าวถึง กลยุทธ์ความยั่งยืนของไทยยูเนี่ยน หรือ SeaChange® ซึ่งนอกจากจะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในบริษัทแล้ว ยังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในวงกว้างด้วยเช่นกัน โดยช่วยให้โลกบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ

“การกำหนดให้ความยั่งยืนเป็นหัวใจของการทำธุรกิจ นั่นไม่ใช่การทำสิ่งที่ถูกต้องตามจริยธรรมและศึลธรรมเท่านั่น แต่เป็นการทำสิ่งที่ถูกต้องสำหรับธุรกิจของไทยยูเนี่ยนในอนาคต” ดร. แดเรี่ยน กล่าว

###

เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลของโลก ซึ่ง ส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรม รสชาติดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีคุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคทั่วโลกมาเป็นเวลาเกือบ 40 ปี

วันนี้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าบรรจุภาชนะชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีมากกว่า 133.3 แสนล้านบาท (4.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีพนักงานทั่วโลกรวมกันมากกว่า 47,000 คน ซึ่งล้วนทุ่มเทเพื่อผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรมและมีความยั่งยืน

ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ เบลลอตต้า และมาร์โว่

จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบทั่วโลก ไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาโดยตลอด จนส่งผลให้ไทยยูเนียนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่มาตั้งแต่ปี 2557 และในปี 2561 ไทยยูเนี่ยนได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของ DJSI เป็นปีที่ห้าติดต่อกัน โดยได้รับเลือกเป็นบริษัทอันดับ 1 ของกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหาร นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index ในปี 2561 ซึ่งเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน

ข้อมูลเพิ่มเติมโปรดติดต่อ
วิริยาภรณ์ โปษยานนท์
อีเมล์ wiryaporn.posayanonda@thaiunion.com
โทร +66.63.231.0385