ไทยยูเนี่ยน และ WWF-UK ฉลองความสำคัญการทำงานร่วมกัน

เมษายน 2562, กรุงลอนดอน – ไทยยูเนี่ยน และ WWF-UK เผยแพร่รายงานความก้าวหน้าความร่วมมือระหว่างกันประจำปีฉบับที่ 4 ของการทำงานร่วมกันในยุโรป

ไทยยูเนี่ยน และ WWF ทำงานร่วมกันมาตั้งแต่ปี 2557 เพื่อดำเนินการตามข้อตกลงที่ทั้งสองได้ลงนามร่วมกันในกฎบัตรอาหารทะเลโลก (Global Seafood Charter) ของ WWF ทั้งนี้งานที่ทำร่วมกันจะมุ่งเน้นการพัฒนาความยั่งยืนในห่วงโซ่อุปทานอาหารทะเลโดยพิจารณาจากประเด็นหลักๆ เช่น การตรวจสอบย้อนกลับ การวิเคราะห์ห่วงโซ่อุปทาน การดำเนินงานโครงการปรับปรุงและการส่งเสริมการจัดการด้านประมงที่ดี

องค์ประกอบสำคัญของความร่วมมือคือ โครงการพัฒนาการประมง (FIPs) ที่ใช้แนวทางความร่วมมือและความโปร่งใสเพื่อปรับปรุงแนวปฏิบัติด้านประมงและการทำประมงให้ตรงตามมาตรฐานสำนักงานคณะกรรมการรับรองมาตรฐานสินค้าประมง (MSC) โครงการพัฒนาการประมง 3 โครงการที่ได้มีการดำเนินการ และผลจากการพัฒนาและการลงทุนที่สำคัญนี้ปริมาณของปลาทูน่าที่ไทยยูเนี่ยนจัดหาไปยังตลาดสหภาพยุโรปเข้าร่วมในโครงการ FIP หรือมาตรฐาน MSC เพิ่มขึ้นมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ จาก 0 เปอร์เซ็นต์ในปี 2557 ปัจจุบันไทยยูเนี่ยนมีผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่หลากหลายมากกว่า 900 ผลิตภัณฑ์ในยุโรปและได้รับการรับรองมาตรฐาน MSC และแบรนด์ John West ในประเทศอังกฤษ ได้รับรางวัล “Canned Brand of the Year” สำหรับสองปีที่ผ่านมา จาก MSC โดยปริมาณผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มาจากการทำประมงที่ได้มาตรฐาน MSC ที่ไทยยูเนี่ยนขายในยุโรปเพิ่มขึ้นจาก 5 เปอร์เซ็นต์ในปี 2557 เป็น 26 เปอร์เซ็นต์ในปี 2561 ซึ่งความร่วมมือกันนี้ได้ส่งผลให้งานอื่นๆ สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติที่ดีของ WWF เช่น การปรับปรุงความโปร่งใส การตรวจสอบย้อนกลับ และการเสร็จสิ้นการตรวจสอบในห่วงโซ่อุปทาน

เพื่อผลักดันการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนในการทำประมงในระดับภูมิภาคและสนับสนุนการเจรจาวงกว้างในเขตมหาสมุทรอินเดีย แบรนด์ John West และ Petit Navire ซึ่งเป็นแบรนด์ของไทยยูเนี่ยนให้การสนับสนุนโครงการการทำประมงอย่างยั่งยืนในภูมิภาคแอฟริกาตะวันออก ของ WWF โครงการนี้ได้บรรลุวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมให้ประชาชนที่อยู่ในสาธารณรัฐโมซัมบิก เคนยา และแทนซาเนียมีการจัดการการทำประมงในชุมชนอย่างยั่งยืน

เมื่อเร็วๆ นี้ ความสำเร็จจากการทำงานร่วมกันของไทยยูเนี่ยน และ WWF ทำให้ได้รับรางวัลผู้นำด้านความยั่งยืน ประจำปี 2562 จาก edie นอกจากนี้เรายังได้รับรางวัลห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืนในปี 2561 ซึ่งเป็นบทพิสูจน์ของความร่วมมือกันทำงานของเรา

มร. พอล รีแนน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำภูมิภาคของไทยยูเนี่ยนยุโรปกล่าวว่า “การปรับปรุงความยั่งยืนและความโปร่งใสของห่วงโซ่อุปทานอาหารทะเลของไทยยูเนี่ยน และการทำงานร่วมกับ WWF เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาเป็นพื้นฐานของความร่วมมือนี้ SeaChange® หรือกลยุทธ์ความยั่งยืนของเราไม่ได้เป็นเพียงแค่ความมุ่งมั่นของเราเท่านั้น แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือ เรายังทำงานต่อเนื่องที่จะทำให้อาหารทะเลทั่วโลกมีความยั่งยืนและมีจริยธรรม โดยมีโอกาสที่ชัดเจนที่จะดำเนินงานต่อจากงานที่ทำในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาเพื่อปรับปรุงความยั่งยืนและการบริหารจัดการในท้องทะเลของเราต่อไป”

มร. ไมค์ บาร์เร็ตต์ ผู้อำนวยการบริหารด้านวิทยาศาสตร์และการอนุรักษ์ ของ WWF-UK กล่าวเสริมว่า “ความร่วมมือของ WWF กับไทยยูเนี่ยนเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของพันธกิจของเราเพื่อเปลี่ยนแปลงวิธีการผลิตและการบริโภคอาหารทั่วโลก ต้องขอบคุณพันธมิตรของเรา เกือบทั้งหมดของการประมงจากแหล่งที่ไทยยูเนี่ยนจัดหาวัตถุดิบปลาทูน่าสำหรับตลาดสหภาพยุโรปซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการโครงการพัฒนาการประมงที่จะนำมาใช้วัดผลอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อให้ได้มาตรฐาน MSC ในการทำประมง เรามีความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนกระบวนการนี้ในปีหน้า และเราหวังว่าในช่วงเวลาหนึ่งจะมีปลาทูน่าที่ได้รับการรับรองมีอย่างแพร่หลายในประเทศที่ไทยยูเนี่ยนจัดหาวัตถุดิบ”

สามารถอ่านรายงานฉบับนี้ได้ที่นี่

###

สำหรับผู้สื่อข่าว กรุณาติดต่อ

Hudson Sandler

รีเบคก้า  กูด์เจิ้น / ซู ฮัทชินสัน / ชีนา มันซามิ / อีเลียต ธอร์นตัน

โทรศัพท์ +44.20.7796.4133

อีเมล์: thaiunion@hudsonsandler.com

เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)


บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลของโลก ซึ่ง ส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรม รสชาติดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีคุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคทั่วโลกมาเป็นเวลาเกือบ 40 ปี

วันนี้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าบรรจุภาชนะชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีมากกว่า 135 แสนล้านบาท (4.03 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีพนักงานทั่วโลกรวมกันมากกว่า 49,000 คน ซึ่งล้วนทุ่มเทเพื่อผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรมและมีความยั่งยืน 

ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ เบลลอตต้า และมาร์โว่

จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบทั่วโลก ไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาโดยตลอด จนส่งผลให้ไทยยูเนียนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่มาตั้งแต่ปี 2557 และในปี 2561 ไทยยูเนี่ยนได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของ DJSI เป็นปีที่ห้าติดต่อกัน โดยได้รับเลือกเป็นบริษัทอันดับ 1 ของกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหาร นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี  FTSE4Good Emerging Index และได้รับอีกหลากหลายรางวัลสำหรับการเป็นผู้นำในการทำงานด้านความยั่งยืน

เกี่ยวกับ WWF

WWF เป็นหนึ่งในองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ดำเนินงานด้านการอนุรักษ์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีผู้ให้การสนับสนุนมากกว่า 5 ล้านคน และมีเครือข่ายดำเนินการทั่วโลกมากกว่า 100 ประเทศ ด้วยการประสานความร่วมมือกับภาคเอกชน ภาคธุรกิจ และภาครัฐ เรามุ่งเน้นการดำเนินงานด้านการอนุรักษ์เพื่อปกป้องทรัพยากรธรรมชาติของโลก การหาหนทางในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ร้ายแรงทีสุดที่โลกของเรากำลังเผชิญ เพื่อความอยู่รอดของผู้คนและธรรมชาติ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ WWF สามารถเข้าที่เว็ปไซต์ wwf.org.uk