ไทยยูเนี่ยน เปิดตัว "Sea Change" กลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของบริษัทสำหรับเป็นเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับทุกภาคส่วนระดับสากล

22 กุมภาพันธ์ 2559 - กรุงเทพ - บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ทียู ประกาศเปิดตัวโครงการเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย สำคัญระดับนานาชาติ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ความยั่งยืนของบริษัท

โครงการเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้นี้จะเริ่มดำเนินการภายในต้นเดือน มีนาคมไปจนถึงเดือนมิถุนายน 2559 โดยจะเชิญลูกค้า พันธมิตร เอ็นจีโอ องค์กรอุตสาหกรรม ผู้วางกฎระเบียบ ผู้กำหนดนโยบาย และผู้จัดหาวัตถุดิบต่างๆ มาร่วมเสวนากันทั้งแบบการประชุมกันตัวต่อตัวและการประชุมแบบออนไลน์

พร้อมกันนี้ไทยยูเนี่ยน จะทำการเปิดตัวไมโครไซต์ www.thaiunion-sustainability.com ซึ่งแสดงรายละเอียดเบื้องต้นเกี่ยวกับ "Sea Change" กลยุทธ์ความยั่งยืนซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่โครงการเวทีแลกเปลี่ยนองค์ ความรู้ดำเนินการอยู่ โดยจะมีการปรับปรุงเนื้อหาข้อมูลโครงการและความริเริ่มต่างๆไปอย่างต่อ เนื่องจนถึงเดือนกรกฎาคม 2559

ทางด้าน ดร. แดเรี่ยน แมคเบน ผู้อำนวยการกลุ่มการพัฒนาที่ยั่งยืน บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "เราได้ร่วมมือทำงานกันอย่างหนักกับพันธมิตร และ เอ็นจีโอ ในประเทศไทย เพื่อยกระดับการทำงานของทั้งแรงงานไทยและแรงงานข้ามชาติตลอดห่วงโซ่อุปทาน ของเรา ซึ่งพบว่าการสร้างพันธมิตร และมีการทำงานร่วมกันอย่างตรงไปตรงมากับทุกภาคส่วน สามารถช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกได้อย่างเป็นรูปธรรม

เรามีความยินดีที่จะประยุกต์ใช้แนวทางเดียวกันนี้กับผู้มีส่วนได้ส่วน เสียระดับสากลเพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในประเด็นที่เรากำลังประสบอยู่ใน อุตสาหกรรมประมงทั่วโลก และเพื่อต่อยอดแผนการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของเราด้วยการเสริมองค์ความ รู้ความเชี่ยวชาญของทุกภาคส่วน."

ดร. แดเรี่ยน ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า บริษัทได้พัฒนากลยุทธ์ Sea Change เพื่อตอบรับกับประเด็นต่างๆ ในอุตสาหกรรมประมงของไทยและทั่วโลก โดยในขั้นต้นได้มีการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับเอ็นจีโอ อาทิ โครงการอิสสระ เครือข่ายสิทธิแรงงานข้ามชาติ (Migrant Workers Rights Network - MWRN) และ มูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน (Labour Rights Promotion Network - LPN) เพื่อตอบปโจทย์ด้านประเด็นแรงงาน และบัดนี้ไทยยูเนี่ยน มีความประสงค์ที่จะขอข้อมูล ความคิดเห็น จากหลากหลายภาคส่วนในวงกว้างมากขึ้น ทั้งในภาคอุตสาหกรรม ระหว่างรัฐ และภาคประชาสังคม เอ็นจีโอ เพื่อมาช่วยกันสร้างแผนการทำงาน ให้มีความสอดคล้องกับปัญหาต่างๆ รวมทั้งในเรื่องของการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล การตรวจสอบย้อนกลับ และการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU fishing)

ดร. แดเรี่ยน กล่าวเสริมว่า "เราทุกคนมีความเป็นห่วงในเรื่องการทำประมงอย่างยั่งยืนทั้งในวันนี้และใน อนาคต ซึ่งจะเกิดขึ้นได้เมื่อแหล่งอาหารทะเลของเรามาจากเรือประมงที่ปฏิบัติถูก ต้องตามกฎหมาย และมีความรับผิดชอบอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้พนักงานของเราทุกคนไม่ว่าจะทำงานอยู่ที่ใดในโลก ต้องได้รับการว่าจ้างอย่างถูกต้องตามกฎหมายและมั่นคง รวมทั้งมีสภาพการทำงานที่ปลอดภัย โดยประเด็นต่างๆ เหล่านี้ได้ถูกระบุไว้ในกลยุทธ์ Sea Change ของเรา"

กลยุทธ์ Sea Change ประกอบไปด้วยโครงการหลัก 4 โครงการ ได้แก่ โครงการด้านการจัดหาวัตถุดิบอย่างมีความรับผิดชอบ โครงการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล โครงการแรงงานที่ปลอดภัยและถูกกฎหมาย และโครงการดูแลชุมชน โดยในแต่โครงการหลักจะมีเป้าหมายที่ชัดเจนและรองรับแผนการทำงานของบริษัทใน ปี 2563 อีกด้วย ทั้งนี้ทางบริษัทต้องขอบคุณหน่วยงานเอ็นจีโอที่เป็นพันธมิตรที่มีส่วนช่วย ผลักดันให้เกิดความสำเร็จคืบหน้าหลายด้านในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้