ไทยยูเนี่ยน และ WWF เผยแพร่รายงานความโปร่งใสในการจัดหาวัตถุดิบ เรื่องการจับปลาและสัตว์น้ำประเภทมีเปลือก แบบธรรมชาติ

11 กุมภาพันธ์ 2562, กรุงเทพ – บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ไทยยูเนี่ยน บริษัทอาหารทะเลชั้นนำที่มีแบรนด์อยู่ทั่วโลก ร่วมกับพันธมิตรอย่าง WWF (กองทุนสัตว์ป่าโลกสากล) เผยแพร่รายงานความโปร่งใส่ในการจัดหาวัตถุดิบ เรื่องการจับปลาและสัตว์น้ำประเภทมีเปลือกแบบธรรมชาติ

รายงานนี้เป็นส่วนสำคัญของความมุ่งมั่นเรื่องความโปร่งใสในการดำเนินงาน และเป็นเส้นทางความยั่งยืนของไทยยูเนี่ยน ทั้งนี้จากรายงานของ Marine Stewardship Council (MSC) ในปี 2561 พบว่า 72 เปอร์เซ็นต์ของผู้บริโภคอาหารทะเลระบุว่า พวกเขาจะเลือกแบรนด์โดยอิงเรื่องความยั่งยืนมากกว่าเรื่องราคา ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างมากสำหรับผู้จัดหาอาหารทะเลที่ต้องมีความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งห่วงโซ่อุปทานโดยรอบและแหล่งที่มาผลิตภัณฑ์ของพวกเขา รายงานความโปร่งใสการจัดหาวัตถุดิบแสดงถึงความมุ่งมั่นของไทยยูเนี่ยนในการดำเนินการเรื่องดังกล่าว

ตลอดระยะเวลา 4 ปีของการทำงานร่วมกับไทยยูเนี่ยน WWF ได้มีการประเมินและให้คำแนะนำเรื่องความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมของอาหารทะเล รายงานฉบับนี้มีการจัดทำร่วมกัน โดยไทยยูเนี่ยนได้ให้ข้อมูลทางด้านห่วงโซ่อุปทานของบริษัท ซึ่งรวมถึงข้อมูลพื้นฐานหลัก เช่น เรือ สายพันธุ์ วิธีการจับ และพื้นที่ที่มีการจับ จากนั้น WWF ได้ใช้วิธีการประเมินแบบ Common Assessment Methodology และฐานข้อมูลกลางเพื่อประเมินความยั่งยืนการจับตามธรรมชาติของแต่ละสายพันธุ์ที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทาน หลังจากนั้นใช้การวิเคราะห์เพื่อกำหนดระดับความสำคัญของการทำประมง ระดับของความสำคัญเหล่านี้ จะทำมาใช้ในการปรับปรุงโครงการพัฒนาการประมง (FIP)1

ดร. แดเรี่ยน แมคเบน ผู้อำนวยการกลุ่มการพัฒนาที่ยั่งยืนของไทยยูเนี่ยน กล่าวว่า “เราไม่สามารถสร้างความยั่งยืนได้หากปราศจากความโปร่งใส และการตรวจสอบย้อนกลับ ซึ่งรายงานฉบับนี้ไม่เพียงช่วยให้เราระบุพื้นที่ที่ต้องการเน้นมากที่สุดหรือพื้นที่ที่เราดำเนินการเอง แต่เป็นการให้ข้อมูลแบบเปิดกว้าง เราสามารถแสดงถึงความมุ่งมั่นเรื่องความโปร่งใส และเส้นทางความยั่งยืนของเราได้ ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จะช่วยให้เราบรรลุพันธกิจด้านปลาทูน่าทั่วโลก และเป็นการแสดงถึงความก้าวหน้าในข้อตกลงร่วมกันกับ WWF”

มร. เดวิด เอ็ดเวิร์ดส ผู้อำนวยการกลยุทธ์ทางด้านอาหารของ WWF กล่าวว่า “WWF เชื่อว่า บริษัทอาหารทะเลหลายบริษัทจะแสดงให้เห็นถึงแหล่งจัดหาวัตถุดิบของพวกเขาว่ามีความยั่งยืนอย่างแท้จริง พวกเขาต้องทำงานเพื่อให้ห่วงโซ่อุปทานและแนวปฏิบัติด้านการประมงมีความโปร่งใส รายงานนี้เป็นการเดินทางก้าวสำคัญที่จะช่วยสร้างความตระหนักถึงวิธีการจับวัตถุดิบหลากหลายสายพันธุ์จากทะเล รวมถึงแหล่งที่จับสัตว์ทะเล ทั้งนี้ WWF ได้ทำงานร่วมกับไทยยูเนี่ยนในการลำดับความสำคัญของแหล่งวัตถุดิบ เพื่อปรับปรุงห่วงโซ่อุปทานในยุโรปของบริษัทเอง และเรายินดีที่ไทยยูเนี่ยนให้สำคัญกับความมุ่งมั่นเรื่องความโปร่งใสของห่วงโซ่อุปทานอาหารทะเลของพวกเขาที่ยุโรป เราหวังที่จะทำงานร่วมกับไทยยูเนี่ยนเพื่อนำพันธกิจนี้มาใช้ในเดือนถัดไป

1โครงการพัฒนาการประมงคือ ความพยายามของผู้มีส่วนได้เสียที่หลากหลายเพื่อพัฒนาความยั่งยืนของการทำประมง เพื่อก้าวไปสู่มาตรฐาน


###

เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลของโลก ซึ่ง ส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรม รสชาติดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีคุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคทั่วโลกมาเป็นเวลาเกือบ 40 ปี

วันนี้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าบรรจุภาชนะชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีมากกว่า 135 แสนล้านบาท (4.03 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีพนักงานทั่วโลกรวมกันมากกว่า 49,000 คน ซึ่งล้วนทุ่มเทเพื่อผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรมและมีความยั่งยืน

ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ เบลลอตต้า และมาร์โว่

จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบทั่วโลก ไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาโดยตลอด จนส่งผลให้ไทยยูเนียนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่มาตั้งแต่ปี 2557 และในปี 2561 ไทยยูเนี่ยนได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของ DJSI เป็นปีที่ห้าติดต่อกัน โดยได้รับเลือกเป็นบริษัทอันดับ 1 ของกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหาร นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index และได้รับอีกหลากหลายรางวัลสำหรับการเป็นผู้นำในการทำงานด้านความยั่งยืน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ

คุณวิริยาภรณ์ โปษยานนท์
Head of External Communications – Corporate Communications Department
มือถือ: +66.96.653.5542, +66.63.231.0385, +66.81.922.5135
อีเมล: Wiriyaporn.Posayanonda@thaiunion.com

คุณวิสาขา จันทกิจ
CSR communications – Corporate Communications Department
มือถือ: +66.81.845.7316
อีเมล: Wisaka.Chantakit@thaiunion.com