ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ทำสถิติยอดขายปี 2560 สูงสุดเป็นประวัติการณ์

บรรยายภาพ: ธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป กล่าวว่า บริษัทมีความยืดหยุ่นในการทำกำไรปี 2560 ถึงแม้ตลาดจะผันผวนและราคาวัตถุดิบสูงขึ้น

  • กำไรสุทธิ ปี 2560 ทำสถิติสูงสุดและเพิ่มขึ้น 14.6 เปอร์เซ็นต์ จากปีก่อนหน้ามาอยู่ที่ 6,021 ล้านบาท
  • ยอดขาย ปี 2560 เพิ่มขึ้น 1.6 เปอร์เซ็นต์ จากปีก่อนหน้า มาเป็น 136,535 ล้านบาท
  • แม้ว่าจะมีผลกระทบจากราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่บริษัทก็สามารถควบคุมต้นทุนได้ดีและมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน

20 กุมภาพันธ์ 2561, กรุงเทพฯ - บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) รายงานผลประกอบการ ปี 2560 โดยมีรายได้รวมทั้งปีเพิ่มขึ้น 1.6 เปอร์เซ็นต์ จากปีก่อนหน้า ทำสถิติสูงสุดอยู่ที่ 136,535 ล้านบาท 

กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 18,141 ล้านบาท ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 13.3 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับ 14.8 เปอร์เซ็นต์ในปี 2559 เนื่องจากราคาปลาทูน่าที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลง อย่างไรก็ตาม การบริหารอัตราแลกเปลี่ยนและการควบคุมต้นทุนต่างๆอย่างเข้มงวด มีส่วนช่วยลดผลกระทบจากราคาวัตถุดิบที่สูง โดยอัตราค่าใช้จ่ายในการขาย ค่าใช้จ่ายทั่วไป และค่าใช้จ่ายในการบริหาร ต่อการขาย เท่ากับ 9.8 เปอร์เซ็นต์ ต่ำกว่าเป้าหมายทั้งปีที่คาดไว้ที่ 10 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น กำไรสุทธิของบริษัทในปี 2560 จึงยังสามารถทำสถิติสูงสุดและเติบโตได้ถึง 14.6 เปอร์เซ็นต์ จากปีก่อนหน้านี้ มาอยู่ที่ 6,021 ล้านบาท

ไทยยูเนี่ยน ประกาศจ่ายเงินปันผลที่ 0.34 บาทต่อหุ้น รวมเป็นการจ่ายเงินปันผลทั้งปีของปี 2560 ที่ 0.66 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นการจ่ายเงินปันผลที่สูงขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แม้ว่าบริษัทจะประสบกับสภาวะตลาดที่ท้าทายในปีที่ผ่านมา

สำหรับปี 2560 ยอดขายในอเมริกาเหนือ ยังคงมีบทบาทสำคัญต่อรายได้ของบริษัท โดยมีสัดส่วน 40 เปอร์เซ็นต์ของยอดขายรวม ในขณะที่ตลาดยุโรป คิดเป็น 32 เปอร์เซ็นต์ ตลาดประเทศไทยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 10 เปอร์เซ็นต์ และยอดขายจากญี่ปุ่น คิดเป็น 6 เปอร์เซ็นต์ ของยอดขายรวมทั้งหมด สัดส่วนยอดขายของตลาดหลักเริ่มมีการปรับเปลี่ยนมาที่ตลาดในประเทศและตลาดเกิดใหม่มากขึ้น เนื่องจากความพยายามในการเจาะตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะจีน

“ถึงแม้ว่าจะมีความท้าทายในเรื่องต้นทุนวัตถุดิบที่สูงและความผันผวนทางเศรษฐกิจในหลายๆตลาดทั่วโลก เรายังมีความยืดหยุ่นในการทำกำไรในปี 2560 ได้เป็นอย่างดี” นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไทยยูเนี่ยน กล่าว

“ความกดดันเรื่องราคาวัตถุดิบที่สูงเริ่มคลี่คลาย หลังจากราคาปลาทูน่า เริ่มลดลงตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 2560”

ยอดขายที่มาจากผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของไทยยูเนี่ยน ในปี 2560 ยังคงสัดส่วนอยู่ที่ 42 เปอร์เซ็นต์ โดยที่เหลือมาจากธุรกิจรับจ้างผลิต โดยยอดขายธุรกิจอาหารทะเลแปรรูป ในปี 2560 ยังทรงตัวอยู่ที่ 61,145 ล้านบาท ในขณะที่ยอดขายจากธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งและแช่เย็นเพิ่มขึ้น 2.7 เปอร์เซ็นต์ จากปี 2559 อยู่ที่ 57,315 ล้านบาท ส่วนยอดขายธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและสินค้ามูลค่าเพิ่ม ปรับเพิ่มขึ้น 3.5 เปอร์เซ็นต์ จากปีก่อน อยู่ที่ 18,074 ล้านบาท ซึ่งยอดขายที่เพิ่มสูงขึ้นนี้ เป็นผลมาจากการเติบโตของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และการรับรู้ยอดขายที่เพิ่มสูงขึ้นจากการลงทุนในธุรกิจภัตตาคารอาหารทะเล เรด ล็อบสเตอร์ ในอเมริกา

เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา บริษัทชิคเก้น ออฟ เดอะซี อินเตอร์เนชั่นแนล และบริษัทชิคเก้น ออฟ เดอะซี โฟรเซ่น ฟู้ดส์ ได้ย้ายมารวมกันที่สำนักงานในลอส แองเจอลิส เพื่อนใช้เป็นศูนย์กลางในการดูแลธุรกิจในอเมริกาเหนือทั้งหมด

ในปีที่ผ่านมา ไทยยูเนี่ยน ฉลองครบรอบ 40 ปี ในการดำเนินธุรกิจเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน พร้อมจัดนิทรรศการแสดงผลงานที่เกี่ยวกับความยั่งยืนและนวัตกรรม ซึ่งเป็นกลยุทธ์หลักในการทำธุรกิจในปัจจุบันและอนาคต

และที่งานนิทรรศการ มีการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ เยลโล่ฟิน ทูน่าสไลซ์และไส้กรอกทูน่าเพื่อสุขภาพ โดยผลิตภัณฑ์ทั้งสองอย่างนี้เกิดจากการคิดค้นของศูนย์นวัตกรรมไทยยูเนี่ยน

เมื่อเร็วๆนี้ ไทยยูเนี่ยน ร่วมมือกับ มาร์ส เพ็ทแคร์ และอินมาแซท เปิดตัววิดีโอสั้น ในโครงการนำร่องระบบตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งที่มาของวัตถุดิบด้วยนวัตกรรมดิจิทัล ซึ่งทั้งสามบริษัทพัฒนาร่วมกับพันธมิตรในอุตสาหกรรม และหน่วยงานภาครัฐ ในการช่วยส่งเสริมสิทธิมนุษยชนในอุตสาหกรรมอาหารทะเล 

ในเดือนธันวาคม บริษัทยังได้เปิดตัวโครงการพัฒนาเรือประมง และแนวปฏิบัติด้านแรงงานบนเรือประมง เพื่อให้แนวทางที่ชัดเจนกับเรือประมงซึ่งจัดหาวัตถุดิบให้กับบริษัท และปรับปรุงการดำเนินงานด้านแรงงานและจริยธรรมในภาคประมง

ไทยยูเนี่ยน ได้รับการยกย่องอย่างมากในเรื่องของการทำงานด้านความยั่งยืน ในปี 2560 บริษัทได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่เป็นเวลา 4 ปีติดต่อกัน และยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี  FTSE4Good Emerging Index เป็นปีที่สอง นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยน ยังได้รับการคัดเลือกติดอยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน ประจำปี 2560 และรับรางวัลรายงานความยั่งยืนดีเยี่ยม ประจำปี 2560 จาก คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์อีกด้วย

ไม่เพียงเท่านี้ ไทยยูเนี่ยน ได้รับรางวัลการพัฒนาอย่างยั่งยืนและบริษัทที่มีความเป็นเลิศแห่งเอเชีย (Asia Corporate Excellence & Sustainability Awards) ในฐานะองค์กรที่ส่งเสริมด้านความรับผิดชอบต่อสังคม (Top Corporate Social Responsibility Advocates) และเป็นผู้ชนะสำหรับรางวัล 2017 SEAL Business Sustainability Awards ในด้านการสร้างแรงผลักดันระดับองค์กร รางวัล SEAL ซึ่งย่อมาจาก Sustainability (ความยั่งยืน) Environmental Achievement (ความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อม) และ Leadership (ความเป็นผู้นำ) เป็นการยกย่องบริษัทและผู้นำที่ทุ่มเทให้กับการสร้างความก้าวหน้าอย่างแท้จริงในด้านการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน และสิ่งแวดล้อม 

ดร. แดเรี่ยน แมคเบน ผู้อำนวยการกลุ่มการพัฒนาที่ยั่งยืนของไทยยูเนี่ยน ได้รับรางวัลผู้นำด้านความยั่งยืน จากการประกาศรางวัลผู้นำด้านความยั่งยืน ของ edie เมื่อเร็วๆนี้

นอกจากนี้ ไทยยูเนี่ยน ยังได้รับรางวัล สำหรับรายงานเพื่อความยั่งยืนแห่งปีและผู้นำด้านความยั่งยืนแห่งปี จากงานมอบรางวัล Responsible Business Award ครั้งที่ 8 ประจำปี 2560 ของ Ethical Corporation  และรางวัลของ Asia Sustainability Reporting Awards ประเภทการสื่อสารออนไลน์งานด้านความยั่งยืน และการรายงานด้านห่วงโซ่อุปทานดีเด่น

นอกจากนี้ ศูนย์นวัตกรรมไทยยูเนี่ยน ยังได้รับรางวัล International Innovation Awards 2017 จาก Enterprise Asia สำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เยลโล่ฟิน ทูน่าสไลซ์

“ผมรู้สึกภูมิใจในรางวัลต่างๆที่ไทยยูเนี่ยนได้รับ ซึ่งความสำเร็จเหล่านี้ได้สะท้อนถึงการทำงานของไทยยูเนี่ยนในทุกวันนี้และตอกย้ำคุณค่าที่เรายึดมั่นมาโดยตลอด ซึ่งสิ่งเหล่านี้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น” นายธีรพงศ์ กล่าว

เมื่อมองไปข้างหน้า ไทยยูเนี่ยน ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อความก้าวหน้า และมุ่งมั่นในการทำงานร่วมกันเพื่อตอบสนองความท้าท้ายด้านความยั่งยืนที่ต้องเผชิญในอุตสาหกรรมอาหารทะเลทั่วโลก ซึ่งได้แก่ การตรวจสอบย้อนกลับไนระบบดิจิตอล การให้คนงานบนเรือสามารถติดต่อสื่อสาร การให้การศึกษาแก่เด็ก และการให้ข้อมูลเรื่องโภชนาการแก่ชุมชน

“เราทำงานร่วมมือกับทุกอุตสาหกรรม เพราะความท้าทายที่อุตสาหกรรมอาหารทะเลกำลังเผชิญอยู่ ไม่ว่าเรื่องสิทธิมนุษยชนและความปลอดภัยของแรงงานข้ามชาติ ไม่ได้เป็นแค่ปัญหาในธุรกิจอาหารทะเลอีกต่อไป” นายธีรพงศ์ กล่าวเสริม

###

เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ทียู

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลของโลก ซึ่งส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรม รสชาติดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีคุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคทั่วโลกมากว่า 40 ปี

วันนี้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าบรรจุภาชนะชนิดต่าง ๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีมากกว่า 1.35 แสนล้านบาท (4.03 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีพนักงานทั่วโลกรวมกันมากกว่า 49,000 คน ซึ่งล้วนทุ่มเทเพื่อผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรม และมีความยั่งยืน

ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu ,King Oscar, และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ เบลลอตต้า และมาร์โว่

จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบทั่วโลก ไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation - ISSF) ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเรื่องมาโดยตลอดในเรื่องดังกล่าว จนส่งผลโดยรวมให้ไทยยูเนียนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่มาตั้งแต่ปี 2557  และในปี 2559 ไทยยูเนี่ยนได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของ DJSI เป็นปีที่สามติดต่อกัน  นอกจากนี้ ไทยยูเนี่ยนได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี  FTSE4Good Emerging Index เมื่อเร็ว ๆ นี้อีกด้วย http://seachangesustainability.org.

ติดต่อสอบถาม
กฤษณา ปานสุนทร
Head of External Affairs
T:  +66.2298.0024 Ext. 4423
M: +66.0.61.418.1461
E: Krissana.parnsoonthorn@thaiunion.com