ไทยยูเนี่ยนส่งมอบชุดอุปกรณ์ทางการแพทย์มากกว่า 500 ชุด ให้กับเรือประมงไทย

 

  • ไทยยูเนี่ยนได้เริ่มส่งมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์มากกว่า500 ชุดให้กับเรือประมงในประเทศไทย
  • ชุดอุปกรณ์ทางการแพทย์เหล่านี้จะนำไปแจกจ่ายให้กับเรือประมงในห่วงโซ่อุปทานของบริษัทและสหพันธ์แรงงานขนส่งระหว่างประเทศ
  • โครงการนี้ได้ตอกย้ำนโยบายของไทยยูเนี่ยนที่ให้ความสำคัญด้านสุขภาพและความปลอดภัยมาโดยตลอด โดยก่อนหน้านี้บริษัทมีการจัดฝึกอบรมด้านความปลอดภัยให้กับคนงานในเรือประมงมากกว่า 350 คนในประเทศไทยมาแล้ว

กรุงเทพมหานคร, 23 พฤษภาคม 2565 – บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ประกาศโครงการส่งมอบชุดอุปกรณ์ทางการแพทย์กว่า 500 ชุด ให้กับเรือประมงไทยภายในปี 2565 โดยจะมอบให้กับเครือข่ายเรือประมงในห่วงโซ่อุปทานของบริษัท โดยชุดอุปกรณ์เบื้องต้นต่างๆ เหล่านี้ยังรวมถึงชุดตรวจโควิด-19 ด้วยตนเอง นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังร่วมมือกับ และเครือข่ายสิทธิแรงงานประมง เพื่อแจกจ่ายให้กับแรงงานประมงและบริษัทเรือประมงอื่นๆ โดยเครือข่ายสิทธิแรงงานประมงนี้มีศูนย์ประสานงานตามจังหวัดชายฝั่งต่างๆ ในประเทศไทยและมีการทำงานด้านสิทธิแรงงานในอุตสาหกรรมประมง

นายจอน ฮาร์ทัฟ หัวหน้าโครงการของสหพันธ์แรงงานขนส่งระหว่างประเทศในประเทศไทย กล่าวว่า “เครือข่ายสิทธิแรงงานประมงมีพันธกิจที่จะยกระดับมาตรฐานด้านสุขภาพและความปลอดภัยบนเรือประมงให้ดียิ่งขึ้นตลอดห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมอาหารทะเล เรายินดีที่ได้ทำงานร่วมกับไทยยูเนี่ยนเพื่อให้มั่นใจว่าคนงานสามารถเข้าถึงเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ปฐมพยาบาลขั้นพื้นฐาน เครือข่ายสิทธิแรงงานประมงจะทำงานร่วมกับเจ้าของเรือประมงและพันธมิตรเพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ปฐมพยาบาลได้รับการตรวจสอบและเพิ่มเติมจำนวนให้เพียงพออยู่เสมอ รวมทั้งให้แรงงานได้รับการฝึกเรื่องการดูแลพยาบาลเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ไทยยูเนี่ยนได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในการทำงานเพื่อปกป้องแรงงานประมงและเราหวังว่าบริษัทอื่นๆ ในอุตสาหกรรมประมงจะปฏิบัติเช่นเดียวกัน”

นายปราชญ์ เกิดไพโรจน์ ผู้อำนวยการด้านความยั่งยืน ภูมิภาคเอเชีย กล่าวว่า “แรงงานในเรือประมงถือเป็นเส้นเลือดสำคัญของอุตสาหกรรมนี้ และไทยยูเนี่ยนถือว่าเป็นเรื่องสำคัญในการผลักดันให้เกิดการพัฒนาและดูแลเรื่องสุขภาพและความปลอดภัยในท้องทะเล ซึ่งไทยยูเนี่ยนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาโดยตลอด โดยกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของบริษัทหรือ SeaChange® นอกจากดูแลความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเลแล้ว ยังรวมถึงการทำงานและสวัสดิการที่ดีของแรงงานในห่วงโซ่อุปทานอีกด้วย กิจกรรมการมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ครั้งนี้สอดคล้องกับข้อเรียกร้องจากกระทรวงแรงงานที่เรียกร้องให้นายจ้างมีปฏิบัติตามมาตรการด้านสุขภาพและความปลอดภัยตามกฎหมายของประเทศไทย

สำหรับอุปกรณ์การแพทย์แต่ละชุดนั้นบรรจุไปด้วยเวชภัณฑ์ต่างๆ ทั้งหมด 20 รายการ เช่น ยาทาแผล พลาสเตอร์ยา อุปกรณ์ปฐมพยาบาลในกรณีเกิดอุบัติเหตุ ข้อเท้าแพลง เกิดบาดแผล ท้องร่วง ท้องผูก หรือปวดหัว และมีคำแนะนำในการใช้เป็นภาษาไทย ภาษาพม่า และภาษาเขมร จากการตรวจสอบเรือประมงโดยหน่วยงานภายนอก และสหพันธ์แรงงานขนส่งระหว่างประเทศ พบเจอว่าเรือประมงไทยมีชุดปฐมพยาบาลและอุปกรณ์ขั้นพื้นฐานแต่ยังมีความเข้าใจในการใช้ รวมถึงการฝึกอบรมในการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ยังอยู่ในระดับต่ำ

 

โครงการนี้ยังสอดรับกับโครงการที่ไทยยูเนี่ยนได้ดำเนินร่วมกับสหพันธ์ฯ อยู่ก่อนหน้านี้ในการฝึกอบรมด้านสุขภาพและความปลอดภัยให้กับแรงงานบนเรือประมง มีการฝึกอบรมให้กับแรงงานบนเรือประมงมากว่า 350 คนและส่งมอบชุดปฐมพยาบาลมาแล้วกว่า 120 ชุด ซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัท มาร์ส เพ็ทแคร์ เนสท์เล่ และ เจ เอ็ม ชมัคเกอร์ ปัจจุบันเมื่อมีการผ่อนคลายมาตรการป้องกันโควิด-19 ลง ไทยยูเนี่ยนจะเดินหน้าฝึกอบรมให้กับแรงงานเรือประมงต่อไป

พันธกิจของไทยยูเนี่ยนด้านสุขภาพและความปลอดภัยสอดคล้องกับกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® ไทยยูเนี่ยนมีพันธกิจในการส่งเสริมสวัสดิภาพของแรงงานในห่วงโซ่อุปทาน ภายใต้แผนงาน “แรงงานที่ปลอดภัยและถูกกฎหมาย” และ “การจัดหาวัตถุดิบด้วยความรับผิดชอบ” ของกลยุทธ์ SeaChange®

เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำด้านอาหารทะเลระดับโลกที่นำผลิตภัณฑ์อาหารทะเลคุณภาพสูง ดีต่อสุขภาพ อร่อย และสร้างสรรค์ มาสู่ลูกค้าทั่วโลกมาเป็นกว่า 45 ปี

ปัจจุบัน ไทยยูเนี่ยนถือได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอาหารทะเลชั้นนำของโลกและเป็นหนึ่งในผู้ผลิตปลาทูน่าในบรรจุภัณฑ์ชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีเกินกว่า 141,000 ล้านบาท (4,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และแรงงานทั่วโลกกว่า 44,000 คน ที่ทุ่มเทให้กับการบุกเบิกผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่สร้างสรรค์และยั่งยืน

ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ OMG MEAT เบลลอตต้า และมาร์โว่ นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบอาหารภายใต้แบรนด์ UniQ®BONE และ UniQ®DHA และผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพแบรนด์ ZEAVITA

จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบทั่วโลก ไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาโดยตลอด จนส่งผลให้ไทยยูเนียนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่ 8 ปีติดต่อกัน โดยในปี 2564 ได้รับเลือกเป็นบริษัทอันดับ 2 ของกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหาร นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน