ไทยยูเนี่ยนเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของ Rügen Fisch

ตบเท้าผู้นำตลาดอาหารทะเลในเยอรมันเข้ากลุ่มไทยยูเนี่ยน

กรุงเทพฯ– 20 พฤษภาคม 2564 – บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัทผู้นำอาหารทะเลระดับโลก ได้ประกาศเข้าทำสัญญาซื้อหุ้นเพิ่มเติมจำนวน 49 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ไทยยูเนี่ยนเข้าถือหุ้นทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ของ Rügen Fisch

ไทยยูเนี่ยนได้เข้าซื้อหุ้น Rügen Fisch ครั้งแรกในปี 2559 เป็นจำนวน 51 เปอร์เซ็นต์ ของหุ้นทั้งหมด โดย Rügen Fisch มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศเยอรมัน มีรายได้ต่อปีมากกว่า 140 ล้านยูโร นับเป็นผู้นำอาหารทะเลบรรจุกระป๋องของเยอรมัน ดำเนินธุรกิจผลิตปลากระป๋องและปลาแช่เย็นชนิดต่างๆ ได้แก่ ปลาทูน่า แซลมอน แมคเคอเรล และเฮอร์ริ่ง โดยวางจำหน่ายทั่วไปตามช่องทางค้าปลีกต่างๆ ในประเทศเยอรมันภายใต้แบรนด์ของบริษัท อาทิ Rügen Fisch, Hawesta, Ostsee Fisch และ Lysell นอกจากนี้ยังเป็นผู้ผลิตให้กับแบรนด์อื่นๆ อีกมากมาย บริษัทมีพนักงานมากกว่า 680 คนที่ปฏิบัติงานทั้งที่ประเทศเยอรมันและลิธัวเนีย

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ไทยยูเนี่ยนได้เข้าลงทุนใน Rügen Fisch ครั้งแรกเมื่อห้าปีก่อน และ Rügen Fisch เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนไทยยูเนี่ยนในยุโรปมาโดยตลอด การเข้าซื้อบริษัทในครั้งนี้เป็นเครื่องยืนยันถึงผลงานในช่วงที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังตอกย้ำความตั้งใจของเราในการทำธุรกิจที่ประเทศเยอรมัน”

นายเยนส์ โวเกลอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Rügen Fisch AG เสริมว่า “ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา การที่ Rügen Fisch ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มไทยยูเนี่ยนทำให้เราได้ประโยชน์จากการเป็นบริษัทระดับโลกไปด้วย จากนี้ไปเราเชื่อว่าจะได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับไทยยูเนี่ยนมากขึ้นในอนาคต”

เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลของโลก ซึ่ง ส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรม รสชาติดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีคุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคทั่วโลกมาเป็นเวลากว่า 40 ปี วันนี้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลระดับโลก โดยเป็นหนึ่งในผู้ผลิตปลาทูน่าในบรรจุภัณฑ์ชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีมากกว่า 126,275 ล้านบาท (4.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีพนักงานทั่วโลกรวมกันมากกว่า 44,000 คน ซึ่งล้วนทุ่มเทเพื่อผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรมและมีความยั่งยืน ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John

West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ เบลลอตต้า และมาร์โว่

จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบทั่วโลก ไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาโดยตลอด จนส่งผลให้ไทยยูเนียนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่มาตั้งแต่ปี 2557 และในปี 2562 ไทยยูเนี่ยนได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของ DJSI เป็นปีที่เจ็ดติดต่อกัน โดยได้รับเลือกเป็นบริษัทอันดับ 1 ของกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหารเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน และได้รับอีกหลากหลายรางวัลสำหรับการเป็นผู้นำในการทำงานด้านความยั่งยืน

ข้อมูลเพิ่มเติมโปรดติดต่อ

วิริยาภรณ์ โปษยานนท์ E: Wiriyaporn.Posayanonda@thaiunion.com M:099 154 1254

จิรวัส มนตรีวงค์ E: Jirawat.Montreevong@thaiunion.com M:0809764613