สตาร์ทอัพเทคโนโลยีอาหารโชว์ผลงานในงาน SPACE-F Batch 3 Incubator Demo Day

กรุงเทพฯ, 8 พฤศจิกายน, 2022 – เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทสตาร์ทอัพเทคโนโลยีด้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการบ่มเพาะธุรกิจของ SPACE-F ได้นำเสนอนวัตกรรมและธุรกิจในงาน SPACE-F Incubator Demo day รุ่นที่ 3 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมีนักลงทุนและนักธุรกิจจากทั้งในและต่างประเทศ พร้อมทั้งตัวแทนจากองค์กรชั้นนำในอุตสาหกรรมด้านอาหาร

ผู้บริหารเข้าร่วมชมงาน SPACE-F Incubator Batch 3 Demo Day

นอกจากนี้ ผู้ร่วมก่อตั้งโครงการ SPACE-F โครงการบ่มเพาะและเร่งการเติบโตทางธุรกิจเทคโนโลยีอาหารระดับโลกแห่งแรกของประเทศไทย ได้ให้เกียรติร่วมงานและรับฟังสตาร์ทอัพทั้ง 7 บริษัท ได้แก่ Kokoonic, Muu, Phagos, Powco, Tasted Better, Balance Corp และ Pet Dynamic

“เส้นทางของผู้ประกอบการธุรกิจที่เน้นนวัตกรรมนั้นมักเต็มไปด้วยอุปสรรคและความไม่แน่นอน ดังนั้น SPACE-F จึงเป็นแพลตฟอร์มที่เสริมสร้างความร่วมมือทั่วทั้งระบบนิเวศ เครือข่ายของเราพร้อมสนับสนุนบริษัทสตาร์ทอัพที่เข้าร่วมอย่างต่อเนื่อง สตาร์ทอัพไม่เพียงแต่จะได้ทักษะและองค์ความรู้ แต่ยังได้สร้างมิตรภาพที่ยั่งยืน และพร้อมจะเติบโตไปด้วยกันในอนาคต เครือข่ายศิษย์เก่าของเรามีสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จ 44 รายจากกว่า 13 ประเทศ มีผลิตภัณฑ์จำหน่ายในกว่า 10 ประเทศทั่วโลก และสามารถระดมทุนได้กว่า 280 ล้านบาท และเนื่องจากภาคอาหารเป็นหนึ่งในจุดแข็งของประเทศไทย เราจึงเชื่อมั่นว่ากรุงเทพฯ จะสามารถก้าวเป็น FoodTech Silicon Valley ที่พร้อมเติบโตได้” ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติกล่าว

“เจ้าของกิจการด้านอาหารและสตาร์ทอัพในไทยได้ก่อตั้งธุรกิจขึ้นและแสดงให้เห็นว่าจุดแข็งที่มีอยู่ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จทั้งในตลาดระดับภูมิภาคและระดับโลกแม้ในช่วงที่มีการระบาดของ COVID-19 มีสตาร์ทอัพมากมายที่โครงการ SPACE-F ได้ช่วยนำทางให้ ในปีนี้ นับเป็นรุ่นที่ 3 แล้วสำหรับโครงการ SPACE-F ที่ถูกจัดขึ้นมาเพื่อค้นหาและสร้างผู้ประกอบการและสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีอาหารที่ประสบความสำเร็จจากประเทศไทยและทั่วโลก” ศ. ดร.นพ. ภัทรชัย กีรติสิน รองประธานฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าว

SPACE-F คือโครงการบ่มเพาะและเร่งการเติบโตทางธุรกิจเทคโนโลยีอาหารระดับโลกแห่งแรกของประเทศไทย ที่ได้นำบริษัทชั้นนำต่างๆ มาร่วมมือกับฟู้ดเทคสตาร์ทอัพ โดยให้การสนับสนุนทั้งเรื่องของนวัตกรรม เครือข่ายทางธุรกิจ และการทำงานร่วมกันโดยไม่มีการเข้าถือหุ้นใดๆ โดยโครงการSPACE-F นี้ได้ก่อตั้งขึ้นจากความร่วมมือกันของสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน), บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน), มหาวิทยาลัยมหิดล และได้รับการสนับสนุนจากบริษัทชั้นนำ ได้แก่บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และ ดีลอยท์ ประเทศไทย โดยโครงการ SPACE-F ในรุ่นที่ 3 นี้ขับเคลื่อนโดย เนสท์ อาเซียน (ภายใต้บริษัท XPDITE) ที่มีความเชี่ยวชาญในการบริหารสตาร์ทอัพเพื่อสร้างการเติบโตด้านธุรกิจอย่างมั่นคง

จากซ้ายไปขวา คุณชนะพล ตัณฑโกศล ผู้ก่อตั้ง Muu คุณแพรวพราย ก้องเกียรติไกร ผู้ก่อตั้ง Kokoonic คุณนิกกี้ เล่ย ผู้ก่อตั้ง Pet Dynamic คุณพีรดา ศุภรพันธ์ ผู้ก่อตั้ง Tasted Better คุณธนะดา โทมัส ผู้ก่อตั้ง Powco คุณนรวีร บุษฎีกานต์ ผู้ก่อตั้ง Balance Corp คุณอเล็กซานโดรส พานทาริส ผู้ก่อตั้ง Phagos

โครงการบ่มเพาะสตาร์ทอัพ SPACE-F รุ่นที่3 มีสตาร์ทอัพทั้งในและต่างประเทศเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 7 บริษัท ได้แก่ Kokoonic, Muu, Phagos, Powco, Tasted Better, Balance Corp และ Pet Dynamic ทุกทีมได้นำเสนอโซลูชั่นนวัตกรรมเพื่อรับมือกับความท้าทายของอุตสาหกรรมอาหารในปัจจุบันต่อคณะกรรมการตัดสิน ผู้เชี่ยวชาญและผู้เข้าร่วมงาน โดยหลังจากการนำเสนองานแล้ว ยังมีการพบปะระหว่างสตาร์ทอัพที่เข้าร่วมโครงการทั้งในอดีตและปัจจุบัน ตลอดจนนักลงทุนที่มีศักยภาพ เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับโอกาสในการร่วมมือกันในอนาคต

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

“สตาร์ทอัพที่นำเสนอผลงานในวันนี้ได้แสดงให้เห็นว่า ตลอด 9 เดือนที่ผ่านมาของโครงการ SPACE-F พวกเขาได้พัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างเห็นได้ชัด ทุกคนได้ทุ่มเทเวลาในการพัฒนาธุรกิจของตนเองและยังแสดงผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เรื่องราวความสำเร็จของสตารท์อัพในวันนี้ทำให้ผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าพวกเขาจะสามารถต่อยอดและพัฒนาธุรกิจให้เติบโตได้ต่อไปในอนาคต” นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าว

นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)

นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ทางบริษัทไทยเบฟภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ SPACE-F อีกครั้งในปีนี้ มิชชั่นของพวกเรา คือ “Creating and Sharing the Value of Growth” พวกเรามองเห็นว่าทาง SPACE-F เป็นแพลทฟอร์มที่สำคัญในการผลักดันเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของ UN หลายประการ ซึ่งรวมถึงสุขภาพและการเป็นอยู่ที่ดี การผลิตและการบริโภคอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่ตอบสนองต่อ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้วยความร่วมมือของเรากับสตาร์ทอัพที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเรา เราหวังว่าเราจะเป็นสะพานที่จะทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จ รวมทั้งสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน”

การนำแผนธุรกิจของสตาร์ทอัพโครงการบ่มเพาะของ SPACE-F รุ่นที่ 3 ถือเป็นการจบโครงการปีที่ 3 ที่มีระยะเวลาหนึ่งปี และยังเป็นการเริ่มต้นการเดินทางสำหรับสตาร์ทอัพที่เต็มไปด้วยความท้าทายและโอกาสมากมายที่รออยู่ข้างหน้า ที่พวกเขาจะได้ช่วยกันพัฒนาระบบนิเวศในอุตสาหกรรมนี้ผ่านเทคโนโลยีอาหารต่อไป

ท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ SPACE-F ได้ที่ https://www.SPACE-F.co/

เกี่ยวกับ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)
ภารกิจของสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ คือการสนับสนุนและพัฒนาระบบนวัตกรรมของประเทศไทย ทั้งในด้านการปรับปรุง และการริเริ่ม เพื่อส่งเสริมการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจและ การเพิ่มขีดความ สามารถในการ แข่งขัน สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวกทางนวัตกรรม ที่จะเป็นกลไกสำคัญที่ขับเคลื่อนนวัตกรรมของประเทศ โดยการร่วมสร้าง สรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ เชื่อมโยงกลุ่มคนและองค์กรที่เกี่ยวข้อง ให้ความช่วยเหลือ และร่วมมือกับองค์กรต่างๆ จากหลาก หลายแขนง เช่น ด้านวิชาการ เทคโนโลยี อุตสาหกรรม การเงิน และการลงทุน โดยเน้นที่การใช้การจัดการความรู้เพื่อ ให้เกิดนวัตกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อส่งเสริมการ ทํางานในรูปแบบเครือข่ายวิสาหกิจนวัตกรรม ซึ่งใช้นวัตกรรม เป็นเครื่องมือหลักในการปรับปรุงคุณภาพชีวิตและขับเคลื่อนไปสู่เศรษฐกิจที่มีการแข่งขันสูงขึ้น

เกี่ยวกับไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป
บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำด้านอาหารทะเลระดับโลกที่นำผลิตภัณฑ์อาหารทะเลคุณภาพสูง ดีต่อสุขภาพ อร่อย และสร้างสรรค์ มาสู่ลูกค้าทั่วโลกเป็นเวลากว่า 45 ปี ปัจจุบันไทยยูเนี่ยนถือได้ว่าเป็นหนึ่ง ในผู้ผลิต อาหารทะเลชั้นนำของโลกและเป็นหนึ่งในผู้ ผลิตปลาทูน่าในบรรจุภัณฑ์ชนิดต่างๆที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขาย ต่อปีสูงกว่า 141,000 ล้านบาท (4,500 ล้านเหรียญสหรัฐ)และมีพนักงานทั่วโลกรวมกันมากกว่า 44,000 คน ที่ทุ่มเทให้กับ การคิดค้นผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่สร้างสรรค์และยั่งยืน

ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ OMG Meat, เบลลอตต้า และมาร์โว่ นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ส่วน ประกอบอาหาร และอาหารเสริม อย่าง UniQ®BONE, UniQDHA และ ZEAvita

จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบระดับโลกไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคี ข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อ ตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) ในปี 2558 ไทย ยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาโดยตลอด จนส่งผลให้ไทยยูเนี่ยนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่ 8 ปีติดต่อกัน โดยในปี 2564 และยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน

เกี่ยวกับบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)
บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ("ไทยเบฟ") ก่อตั้งขึ้นในประเทศไทยในปี 2546 โดยมีจุดประสงค์เพื่อ รวมกิจการ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเบียร์และสุราชั้นนำของไทยที่เป็นของผู้ถือหุ้นและผู้ร่วมทุนรายอื่นๆ เข้ามาเป็นกลุ่มบริษัท ต่อมาในปี 2549 ไทยเบฟ ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (SGX) และภายหลังจากจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ไทยเบฟได้ขยายขอบเขต ธุรกิจจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปสู่ธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์และอาหารเพื่อเพิ่มความหลากหลายของสินค้าเพิ่ม ประสิทธิผล ในช่องทางการกระจายสินค้า รวมถึงกระจายความเสี่ยงของกิจการ ในปัจจุบันไทยเบฟไม่เพียงแต่เป็นผู้ผลิตเครื่องดื่มชั้นนำในประเทศไทย แต่ยังเป็นผู้ผลิตที่ใหญ่ที่สุดรายหนึ่งในเอเชียอีกด้วย โดยแบ่งธุรกิจออกเป็น 4 สายธุรกิจ ได้แก่ สุรา เบียร์ เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และอาหาร

เกี่ยวกับดีลอยท์
ดีลอยท์ให้บริการด้านการสอบบัญชี ที่ปรึกษาทางการบริหารจัดการ ที่ปรึกษาความเสี่ยง ที่ปรึกษาทางการเงินที่ปรึกษาด้าน ภาษีและกฎหมาย ให้กับองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนครอบคลุมอุตสาหกรรมต่างๆด้วยเครือข่ายบริษัทสมาชิกที่เชื่อมโยง กันมากกว่า 150 ประเทศทั่วโลก ดีลอยท์ผสานความสามารถและบริการที่มีคุณภาพระดับโลกรวมถึงความรู้ ความเชี่ยวชาญเพื่อช่วยแก้ปัญหาทางธุรกิจ ที่ซับซ้อนให้กับลูกค้า

ดีลอยท์ ประเทศไทย มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ในปัจจุบันมีจำนวนพนักงานประมาณ 1,500 คน และพาร์ทเนอร์มากกว่า 50 คน

ดีลอยท์ประเทศไทยก่อตั้งขึ้นในปี 1939 เป็นบริษัทตรวจสอบบัญชีบริษัทแรกในประเทศ ด้วยประสบการณ์ในเชิงลึกและมี ทรัพยากรที่มีคุณภาพ ดีลอยท์ประเทศไทยได้ให้บริการในประเทศไทยในหลากหลายอุตสาหกรรมและภาคส่วนมาแล้วมากกว่า 80 ปี การ ร่วมทำงานเป็นหนึ่งเดียวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทำให้ลูกค้าได้รับผลประโยชน์จากการผนวกความเชี่ยวชาญและทักษะจากประเทศ สมาชิก

เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยมหิดล
มหาวิทยาลัยมหิดลมีต้นกำเนิดมาจากการก่อตั้งโรงพยาบาลศิริราชในปี พ.ศ. 2431 โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) และโรงเรียนแพทย์ของโรงพยาบาลศิริราชก็เป็นสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยสถาบันแห่งนี้ยัง เปิดสอนหลักสูตรในสาขาวิชาสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ รวมไปถึงหลักสูตรระดับปริญญาเอกส่วนใหญ่ในประเทศไทยด้วย ขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาความเป็นเลิศดั้งเดิมในด้านการแพทย์และวิทยาศาสตร์เอาไว้

เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2550 สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้อนุมัติให้มหาวิทยาลัยมหิดลเป็นสถาบันอิสระ การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยเพิ่ม ประสิทธิภาพ ความยืดหยุ่น และความสามารถในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ของมหาวิทยาลัย และสร้างมาตรฐานการปฏิบัติกับมหาวิทยาลัย ระดับโลกอื่น ๆ เป้าหมายสูงสุดคือการส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดีและความเป็นอยู่ที่ดีเพื่อประโยชน์ของประชาชน โดยอาศัยการวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรม ปัจจุบันมหาวิทยาลัยมหิดลอยู่ในอันดับที่ 1 ของประเทศไทยจากการจัดอันดับสถาบัน ที่เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติมากมาย

เกี่ยวกับ Nest ASEAN (บริษัท XPDITE)
Nest เป็นหน่วยงานด้านนวัตกรรมระดับโลกที่มีสำนักงานอยู่ในกรุงเทพมหานคร ไนโรบี และลอนดอน ด้วยวิสัยทัศน์ที่มุ่งเน้น และเห็นความสำคัญของการนำความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลง ในรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ ทางบริษัท Nest ASEAN ได้สนับสนุนและดำเนินโครงการที่ช่วยส่งเสริมการมีส่วนร่วม และสร้างความร่วมมือระหว่างบริษัท และสตาร์ทอัพ มามากกว่า 50 โครงการ ที่ช่วยให้องค์กรต่างๆมีส่วนร่วมกับสตาร์ทอัพที่ใช้ได้ทั่วโลกเละขับเคลื่อนผลลัพธ์เชิงพาณิชย์อย่างต่อเนื่องXpdite Capital Partners เข้าซื้อกิจการ Nest ASEAN ในเดือนกันยายน 2020

สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรา สามารถเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ http://www.xpditecapital.com