สตาร์เฟล็กซ์ จับมือไทยยูเนี่ยน กราฟฟิกส์ตั้งบริษัทร่วมทุน พร้อมหนุนงานกลุ่มไทยยูเนี่ยน

กรุงเทพฯ – 30 กันยายน 2564 – บริษัท สตาร์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SFLEX ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน สำหรับสินค้าอุปโภคและบริโภคตามคำสั่งซื้อของลูกค้า และบริษัท ไทยยูเนี่ยน กราฟฟิกส์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านงานพิมพ์ ด้วยระบบออฟเซ็ทแบบครบวงจรที่มีคุณภาพและมาตรฐาน ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจอาหารทะเลระดับโลก ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจเพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุน เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน ด้วยทุนจดทะเบียน จำนวน 250 ล้านบาท โดย SFLEX และไทยยูเนี่ยน กราฟฟิกส์ถือหุ้นสามัญในสัดส่วน 51% และ 49% ตามลำดับ

นายปรินทร์ธรณ์ อภิธนาศรีวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สตาร์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ เพื่อก่อสร้างโรงงานผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนโดยมุ่งเน้นสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารเป็นหลัก และจะเป็นส่วนหนึ่งที่สนับสนุนการใช้บรรจุภัณฑ์ของกลุ่ม "ไทยยูเนี่ยน" เพื่อตอบโจทย์เรื่องคุณภาพและมาตรฐานผลิตภัณฑ์ระดับโลก การร่วมมือครั้งนี้ยังเป็นไปตามแผนการขยายตลาดและขยายฐานรายได้ของ SFLEX โดยคาดว่าจะสามารถก่อสร้างโรงงาน ติดตั้งเครื่องจักรให้แล้วเสร็จภายในไตรมาส 4/2565 พร้อมกันนี้ได้ตั้งเป้ารายได้ในปี 2565-2566 ไว้ประมาณ 70 ล้านบาท และ 250 ล้านบาท ตามลำดับ ด้วยกำลังการผลิตเบื้องต้นที่ระดับ 40% และจะเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นในปีต่อๆไป เพื่อผลักดันในการสร้างรายได้ให้ไปถึง 1,500 ล้านบาทภายในปี 2570”

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในฐานะผู้นำธุรกิจอาหารทะเล ไทยยูเนี่ยนให้ความสำคัญกับการดูแลทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ตามวิสัยทัศน์ในการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีและดูแลท้องทะเลให้อุดมสมบูรณ์ บรรจุภัณฑ์ถือเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของเรา การออกแบบและผลิตบรรจุภัณฑ์ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมจะช่วยตอบโจทย์การดูแลสิ่งแวดล้อม ไทยยูเนี่ยนยังตั้งเป้าหมาย ในการใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำ รีไซเคิลและย่อยสลายได้ ทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์สำหรับผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของบริษัท ภายในปี 2568 เราเชื่อมั่นว่าความร่วมมือในครั้งนี้มีส่วนสำคัญทำให้ไทยยูเนี่ยนบรรลุเป้าหมายดังกล่าว รวมถึงการทำงานร่วมกันในการพัฒนาธุรกิจต่อไปในอนาคต”

เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลของโลก ซึ่ง ส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรม รสชาติดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีคุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคทั่วโลกมาเป็นเวลากว่า 40 ปี

วันนี้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลระดับโลก โดยเป็นหนึ่งในผู้ผลิตปลาทูน่าในบรรจุภัณฑ์ชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีมากกว่า 126,275 ล้านบาท (4.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีพนักงานทั่วโลกรวมกันมากกว่า 44,000 คน ซึ่งล้วนทุ่มเทเพื่อผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรมและมีความยั่งยืน

ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ เบลลอตต้า และมาร์โว่

จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบทั่วโลก ไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาโดยตลอด จนส่งผลให้ไทยยูเนียนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่มาตั้งแต่ปี 2557 และในปี 2562 ไทยยูเนี่ยนได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของ DJSI เป็นปีที่หกติดต่อกัน โดยได้รับเลือกเป็นบริษัทอันดับ 1 ของกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหารเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน และได้รับอีกหลากหลายรางวัลสำหรับการเป็นผู้นำในการทำงานด้านความยั่งยืน