ไทยยูเนี่ยนแสดงจุดยืนเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยเรื่องมหาสมุทร

ไทยยูเนี่ยนพร้อมกับบริษัทเอกชน 150 แห่ง รวมมูลค่าตลาดกว่า 1 ล้านล้านยูโร แสดงจุดยืนในการดูแลมหาสมุทรให้อุดมสมบูรณ์ในการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยเรื่องมหาสมุทร

 

กัสไกส์, ประเทศโปรตุเกส, 30 มิถุนายน 2565 — บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้เข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยเรื่องมหาสมุทร แสดงความมุ่งมั่นในการดูแลมหาสมุทรให้อุดมสมบูรณ์ ร่วมกับบริษัทเอกชน 150 แห่ง เพื่อลงนามใน UN Global Compact Sustainable Ocean Principles หรือหลักการมหาสมุทรที่ยั่งยืนโดยข้อตกลงแห่งสหประชาชาติ

เพิ่มเติมจากหลักการ 10 ประการในข้อตกลงแห่งสหประชาชาติ หลักการมหาสมุทรที่ยั่งยืนนี้จะกำหนดกรอบการทำงานให้กับการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อมหาสมุทรทั้งในแง่มุมธุรกิจและภูมิศาสตร์ โดยบริษัทเอกชนต่างๆ ที่ได้ลงนามในหลักการดังกล่าวได้แสดงความมุ่งมั่นที่จะประเมินผลกระทบต่อมหาสมุทรและรวมความยั่งยืนของมหาสมุทรเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์บริษัท

โลกต้องพึ่งพาความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเลในเรื่องความมั่นคงทางอาหาร การลดปัญหาสภาพภูมิอากาศ และการดำรงชีพทางเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การประมงที่มีปริมาณมากเกินไป มลพิษ รวมถึงการพัฒนาที่ไม่ยั่งยืนและที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งล้วนแต่ทำลายความอุดมสมบูรณ์ของมหาสมุทรและท้องทะเล

นางสาวซานดรา โอเจียมโบ ผู้ช่วยเลขาธิการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร United Nations Global Compact กล่าวว่า “ความมุ่งมั่นของทั้ง 150 บริษัทที่ยึดแนวทางเศรษฐกิจสีน้ำเงินในวันนี้ ในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลทรัพยากรของท้องทะเล แสดงให้เห็นว่า ภาคเอกชนมีความเต็มใจที่จะสนับสนุน เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนแห่งสหประชาชาติในข้อที่ 14 ในการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากมหาสมุทร ทะเล และทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน มหาสมุทรที่อุดมสมบูรณ์นั้นอยู่ในมือทุกภาคส่วนที่จะร่วมมือกัน ดิฉันรู้สึกยินดีที่บริษัทต่างๆ ได้แสดงความมุ่งมั่นที่จะผนวกความอุดมสมบูรณ์ของมหาสมุทร์เข้าในกลยุทธ์ของบริษัท”

นายอดัม เบรนนัน ผู้อำนวยการกลุ่มด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในฐานะบริษัทอาหารทะเลชั้นนำของโลก มหาสมุทรคือพื้นฐานของธุรกิจของเรา การปกป้องมหาสมุทรจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ไม่เพียงเพื่ออนาคตของธุรกิจ แต่ยังรวมถึงโลกที่อุดมสมบูรณ์ และการดำรงชีพทางเศรษฐกิจที่ต้องพึ่งพามหาสมุทรของคนหลายล้านทั่วโลก เรามีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นผู้นำในด้านความยั่งยืนในอุตสาหกรรมอาหารทะเลทั่วโลก และได้สนับสนุนหลักการมหาสมุทรที่ยั่งยืนโดยข้อตกลงแห่งสหประชาชาติที่สอดคล้องไปกับเป้าหมายของบริษัทในการดูแลสุขภาพที่ดีให้กับผู้คนไปพร้อมกับการดูแลความอุดมสมบูรณ์ให้กับท้องทะเล”

ไทยยูเนี่ยนได้ร่วมกับบริษัทเศรษฐกิจสีน้ำเงินอีก 150 บริษัท อาทิ Mediterranean Shipping Company, Orsted, และ SAP SE ลงนามในหลักการมหาสมุทรที่ยั่งยืนโดยข้อตกลงแห่งสหประชาชาติ โดยบริษัทต่างๆ เหล่านี้ มาจาก 30 อุตสาหกรรม 35 ประเทศ และ 6 ทวีปทั่วโลก และมีมูลค่าการตลาดทั้งสิ้นรวมกันกว่า 1 ล้านล้านยูโร

เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนแห่งสหประชาชาติในข้อที่ 14 ในการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากมหาสมุทร ทะเล และทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน ยังคงมีการลงทุนทางการเงินในระดับต่ำที่สุดในบรรดาเป้าหมายทั้ง 17 ข้อ มีความจำเป็นต้องเพิ่มความร่วมมือทางการเงินระหว่างภาครัฐและเอกชนในการดูแลเศรษฐกิจสีน้ำเงินเพื่อความยั่งยืน

UN Global Compact ได้ประกาศที่จะร่วมกับภาคีทั่วโลกในการพัฒนาแนวทางสำหรับตราสารหนี้สีน้ำเงิน ซึ่งเป็นความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอแนวทางให้กับตลาดทั่วโลกเกี่ยวกับการเงินที่ยั่งยืน โปร่งใส และสม่ำเสมอ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจสีน้ำเงิน หนังสือแนวทางมีชื่อว่า Bonds to Finance the Sustainable Blue Economy: a Practitioner's Guide มีวัตถุประสงค์ที่จะให้ธุรกิจต่างๆ มีหลักเกณฑ์ แนวทางการปฏิบัติ และตัวอย่างที่ชัดเจนในการกู้ยืมและออกตราสารหนี้สีน้ำเงิน

สำหรับรายชื่อบริษัทที่ร่วมลงนามในหลักการมหาสมุทรที่ยั่งยืนโดยข้อตกลงแห่งสหประชาชาติทั้งหมดสามารถคลิกได้ที่นี่

เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำด้านอาหารทะเลระดับโลกที่นำผลิตภัณฑ์อาหารทะเลคุณภาพสูง ดีต่อสุขภาพ อร่อย และสร้างสรรค์ มาสู่ลูกค้าทั่วโลกมาเป็นกว่า 45 ปี

ปัจจุบัน ไทยยูเนี่ยนถือได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอาหารทะเลชั้นนำของโลกและเป็นหนึ่งในผู้ผลิตปลาทูน่าในบรรจุภัณฑ์ชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีเกินกว่า 141,000 ล้านบาท (4,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และแรงงานทั่วโลกกว่า 44,000 คน ที่ทุ่มเทให้กับการบุกเบิกผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่สร้างสรรค์และยั่งยืน

ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ OMG MEAT เบลลอตต้า และมาร์โว่ นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบอาหารภายใต้แบรนด์ UniQTMBONE และ UniQTMDHA และผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพแบรนด์ ZEAvita

จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบทั่วโลก ไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาโดยตลอด จนส่งผลให้ไทยยูเนียนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่ 8 ปีติดต่อกัน โดยในปี 2564 ได้รับเลือกเป็นบริษัทอันดับ 2 ของกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหาร นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน