ไทยยูเนี่ยนและชิคเก้น ออฟ เดอะ ซี โฟรเซ่น ฟู้ดส์ ประกาศความร่วมมือบริษัท ISH™ Food Company ผู้ผลิตโปรตีนจากพืช

สอดรับคาดการณ์ตลาดโปรตีนจากพืชเติบโตมากกว่า 1,000 เปอร์เซ็นต์ในอีก 10 ปีข้างหน้า

เอล เซกุนโด้, แคลิฟลอร์เนีย – 25 สิงหาคม 2565 – ไทยยูเนี่ยนและชิคเก้น ออฟ เดอะ ซี โฟรเซ่น ฟู้ดส์ ประกาศความร่วมมือกับบริษัท ISH Food Companyผู้นำในการผลิตโปรตีนจากพืชในอเมริกาเหนือ โดยเป็นแบรนด์ที่เป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงให้เกิดระบบอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการในแบบใหม่ โดยได้จดทะเบียนการค้านวัตกรรมที่เรียกว่า Whole System Approach™ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์โปรตีนจากพืช โดยพิจารณาทุกขั้นตอน ตั้งแต่ดิน น้ำ ไปจนถึงการนำอาหารเสิร์ฟบนโต๊ะ โดยตั้งคำถามว่าทำอย่างไรที่จะทำให้เกิดสุขภาพที่ดีขึ้นสำหรับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

นายมาร์เทน เคหราดร์ กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจโปรตีนทางเลือก บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เราตื่นเต้นที่ได้ขยายธุรกิจโปรตีนทางเลือกจากการร่วมมือในครั้งนี้กับบริษัท ISH Food Company ไทยยูเนี่ยนเรามีทีมทำงานเรื่องการลงทุนในธุรกิจที่ทำงานอย่างใกล้ชิดกับสตาร์ทอัพที่เน้นในด้านของโปรตีนทางเลือกที่ใช้นวัตกรรมเข้ามาพัฒนาธุรกิจ เนื่องจากบริษัทให้ความสนใจและยังลงทุนในอาหารทะเลทางเลือกที่มีความยั่งยืน และในฐานะผู้จัดจำหน่ายกุ้งแช่แข็งและเนื้อปูพาสเจอไรซ์อันดับ 1 ในอเมริกาเหนือ เรามีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจอาหารทะเลและพร้อมที่จะนำมาบุกในตลาดโปรตีนทางเลือกใหม่นี้”

ความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยยกระดับช่องทางการตลาดและกระจายสินค้าของไทยยูเนี่ยนและชิคเก้น ออฟ เดอะ ซี โฟรเซ่น ฟู้ดส์ ในการลงทุนในส่วนอาหารทะเลเพื่อความยั่งยืน และทำให้บริษัทมั่นใจได้ว่าอาหารทะเลทางเลือกจะเป็นอีกทางเลือกให้กับผู้บริโภคในราคาที่จับต้องได้ การประกาศความร่วมมือในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ความยั่งยืนของกลุ่มไทยยูเนี่ยน หรือ SeaChange® ที่รวมถึงการทำงานด้านความยั่งยืนที่มีเกณฑ์ในการวัดผลอย่างเป็นรูปธรรมของธุรกิจไทยยูเนี่ยน

ตั้งแต่ปี 2559 ไทยยูเนี่ยนได้เริ่มกลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange® อย่างจริงจัง ทำให้บริษัทได้อันดับหนึ่งใน Seafood Stewardship Index สองปีซ้อน ปัจจุบันความยั่งยืนได้กลายมาเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญเพิ่มมากขึ้น จากการสำรวจโดย ชิคเก้น ออฟ เดอะ ซี โฟรเซ่น ฟู้ดส์ และ เวคฟิลด์ บริษัทที่ปรึกษาด้านการวิจัยตลาด ชี้ให้เห็นว่าผู้บริหารธุรกิจค้าอาหารและฟู้ดเซอร์วิส รวมถึงผู้ซื้อเจ้าต่างๆ ต่างพากันประหลาดใจที่ได้รับรายการสั่งซื้อในปีนี้เป็นอาหารทะเลทางเลือกที่ผลิตจากพืช (35%) และโปรตีนจากการเพาะเลี้ยงในแล็บ (31%)2 ด้วยความต้องการของผู้บริโภคในสินค้าอาหารทะเลทางเลือกที่เพิ่มมากขึ้น ความร่วมมือในครั้งนี้จึงตอกย้ำความมั่นใจว่าจะสามารถเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคที่กำลังมองหาอาหารทะเลทางเลือกที่นำนวัตกรรมมาใช้ในการพัฒนาให้เกิดรสชาติที่ดีเยี่ยม

นายมาร์เทน กล่าวต่อไปว่า “ในฐานะบริษัทระดับโลก ไทยยูเนี่ยนเล็งเห็นว่าความหลากหลายของผลิตภัณฑ์โปรตีนที่ดีต่อสุขภาพและมีคุณค่าทางโภชนาการ มีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะตอบโจทย์ความต้องการของประชากรในอนาคตในแบบที่อย่างยั่ง และช่วยเพิ่มความมั่นคงทางอาหารไปพร้อมกัน”

ความร่วมมือกับ ISH Food Company ยังเกิดผลดีต่อทั้งสองบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแนวคิดของแบรนด์ที่ยึดสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก บริษัท ISH Food Company ได้รับการรับรอง Certified B Corporation หรือบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ได้ก่อตั้งขึ้นในปี 2563 เพื่อประกอบธุรกิจผลิตอาหารจากพืชที่นำนวัตกรรมมาใช้ในการพัฒนา มีความยั่งยืน เน้นสุขภาพและรสชาติที่อร่อย บริษัทยังมีเป้าหมายในการสร้างระบบที่จะช่วยรักษาสมดุลระหว่างความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการสารอาหารที่มีประโยชน์ ผู้ผลิตที่ต้องการให้ธุรกิจดำเนินไปได้ด้วยดี ไปจนถึงสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและปล่อยคาร์บอนในปริมาณที่น้อย ในปี 2565 บริษัทได้เปิดตัวสินค้าไฮไลท์กุ้งทางเลือกหรือ Shrimpish® ซึ่งปัจจุบันมีจำหน่ายในมหาวิทยาลัยและร้านอาหารบางแห่งในสหรัฐอเมริกาแล้ว บริษัทยังมีแผนธุรกิจที่จะขยายสินค้าไปยังโปรตีนอาหารทะเลทางเลือกอื่นๆ เช่น แซลมอน คอด ปู ล็อบสเตอร์ อีกด้วย

นายเบอร์นาร์ด เดวิด ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ISH Food Company กล่าวว่า “เรามีพันธกิจที่ยิ่งใหญ่ และเราไม่สามารถบรรลุสิ่งนั้นได้โดยลำพัง ซึ่งทำให้ความร่วมมือในครั้งนี้ในอเมริกาเหนือมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น ความต้องการของผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้นในแง่ของแหล่งอาหารที่ดีต่อสุขภาพ มีคุณค่าทางโภชนาการ และมีความยั่งยืน เพราะผู้คนตระหนักได้ว่าอาหารที่พวกเขารับประทานมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อาหารทะเลที่ทำจากพืชของเราได้รับการผลิตด้วยความใส่ใจในเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รสชาติ เนื้อสัมผัส สารอาหารและสุขภาพของโลกใบนี้ เราขอขอบคุณไทยยูเนี่ยนและชิคเก้น ออฟ เดอะ ซี โฟรเซ่น ฟู้ดส์ ที่ได้มาร่วมมือกันในครั้งนี้เพื่อช่วยเปลี่ยนโฉมอาหารและการเกษตรไปสู่ระบบที่คุณค่าทางโภชนาการในแบบใหม่”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ชิคเก้น ออฟ เดอะ ซี โฟรเซ่น ฟู้ดส์
สามารถเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ https://b2b.chickenofthesea.com
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ISH Food Company สามารถเยี่ยมชมได้ที่
เว็บไซต์ https://www.ishfood.com.

เกี่ยวกับ ชิคเก้น ออฟ เดอะ ซี โฟรเซ่น ฟู้ดส์

ชิคเก้น ออฟ เดอะ ซี โฟรเซ่น ฟู้ดส์ เป็นบริษัทในเครือไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป โดยดูแลแบรนด์อาหารทะเล อาทิ Chicken of the Sea, Xcellent, Asian Gold, Orion, และ VanCamps, โดยจัดจำหน่ายในร้านค้าปลีกทั่วไป ร้านอาหาร ร้านขายส่ง ธุรกิจส่งวัตถุดิบให้กับร้านอาหารต่างๆ และร้านอาหารต่างๆ ที่มีสาขาทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา

ชิคเก้น ออฟ เดอะ ซี โฟรเซ่น ฟู้ดส์ มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมือง เอล เซกุนโด้ รัฐแคลิฟลอร์เนีย จัดหาวัตถุดิบด้วยความรับผิดชอบและยืนยันให้บริษัทคู่ค้าทั่วโลกปฏิบัติแบบเดียวกันกับบริษัท ในปี 2549 ได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มไทยยูเนี่ยนและประสบความสำเร็จในด้านยอดขายมากกว่าหนึ่งพันล้านเหรียญสหรัฐภายในเวลา 15 ปี ชิคเก้น ออฟ เดอะ ซี โฟรเซ่น ฟู้ดส์ยังเป็นผู้นำเข้าอันดับหนึ่งของกุ้ง เนื้อปูในอเมริกาเหนือและยังเป็นผู้นำตลาดของสินค้าอาหารทะเลอีกหลายรายการ

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ชิคเก้น ออฟ เดอะ ซี โฟรเซ่น ฟู้ดส์ สามารถเยี่ยมเว็บไซต์ได้ที่ b2b.chickenofthesea.com.

เกี่ยวกับ ISH™ Food Company

บริษัท ISH Food Company ได้รับการรับรอง Certified B Corporation หรือบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ก่อตั้งขึ้นในปี 2563 โดยมีพันธกิจในการประกอบธุรกิจผลิตอาหารจากพืชที่นำนวัตกรรมมาใช้ในการพัฒนา มีความยั่งยืน เน้นสุขภาพและรสชาติที่อร่อย ให้กับผู้คนทั่วโลก โดยในปี 2565 ได้เปิดตัว Shrimpish® และ Shrimpish® Crumbles เป็นครั้งแรกและมีรสชาติ หน้าตา และปรุงรสเหมือนอาหารทะเลทางเลือก บริษัทยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจไปยังโปรตีนอาหารทะเลทางเลือกอื่นๆ เช่น แซลมอน คอด ปู ล็อบสเตอร์ อีกด้วย ปัจจุบันสินค้าของบริษัทมีวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา บริษัท ISH Food Company เริ่มต้นด้วยปรัชญาที่เรียบง่าย ทำดี กินดี เพื่อร่างกายและโลกของเรา

เยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ www.ishfood.com.

เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำด้านอาหารทะเลระดับโลกที่นำผลิตภัณฑ์อาหารทะเลคุณภาพสูง ดีต่อสุขภาพ อร่อย และสร้างสรรค์ มาสู่ลูกค้าทั่วโลกมาเป็นกว่า 45 ปี

ปัจจุบัน ไทยยูเนี่ยนถือได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอาหารทะเลชั้นนำของโลกและเป็นหนึ่งในผู้ผลิตปลาทูน่าในบรรจุภัณฑ์ชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีเกินกว่า 141,000 ล้านบาท (4,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และแรงงานทั่วโลกกว่า 44,000 คน ที่ทุ่มเทให้กับการบุกเบิกผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่สร้างสรรค์และยั่งยืน

ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ OMG MEAT เบลลอตต้า และมาร์โว่ นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบอาหารภายใต้แบรนด์ UniQ™BONE และ UniQ™DHA และผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพแบรนด์ ZEAvita

จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบทั่วโลก ไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาโดยตลอด จนส่งผลให้ไทยยูเนียนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่ 8 ปีติดต่อกัน โดยในปี 2564 นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน