ไทยยูเนี่ยน บริจาคอาหารคนและอาหารสัตว์เลี้ยง เกือบ 4 ล้านชิ้น เพื่อช่วยเหลือจากสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก ตลอดสองปีที่ผ่านมา

ผ่านโครงการไทยยูเนี่ยนแคร์ ซึ่งเป็นการดำเนินงานตามพันธกิจของไทยยูเนี่ยน ที่มุ่งส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดีของทุกคน และช่วยเหลือชุมชนในพื้นที่ที่บริษัทดำเนินธุรกิจอยู่

กรุงเทพฯ, 19 มกราคม 2565 ─ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้มีบริจาคอาหารอาหารคนและอาหารสัตว์เลี้ยงจำนวนเกือบ 4,000,000 ชิ้นทั่วโลก รวมทั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์และอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับป้องกันโควิด-19 ตลอดจนสนับสนุนด้านการเงินต่างๆ ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 2563

โดยในปี 2564 ไทยยูเนี่ยน ได้บริจาคอาหารเกือบ 1,000,000 ชิ้น และอุปกรณ์ทางแพทย์และอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับป้องกันโควิด-19 ภายใต้โครงการไทยยูเนี่ยนแคร์ที่ดำเนินการทั่วโลก ซึ่งเป็นหนึ่งการดำเนินงานตามพันธกิจของบริษัทที่มุ่งส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดี รวมถึงการดูแลผู้คนและชุมชนสัตว์เลี้ยงในพื้นที่ที่บริษัทดำเนินธุรกิจอยู่

การบริจาคในปีที่ผ่านมา ประกอบด้วยการบริจาคอาหารทะเลที่กว่า 500,000 ชุด ของชิคเก้น ออฟ เดอะ ซี ในสหรัฐอเมริกา เพื่อให้ความช่วยเหลือนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ขาดแคลนทุนทรัพย์สำหรับค่าอาหาร

สำหรับในประเทศไทย บริษัทได้บริจาคอาหารเกือบ 400,000 ชิ้น ซึ่งมีทั้งผลิตภัณฑ์อาหารของบริษัท อาหารกล่องพร้อมทาน ปลากระพงหั่นชิ้น และข้าวสาร ให้แก่องค์กร และชุมชนต่างๆ ที่ช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ของโควิด-19 รวมถึงการมอบผลิตภัณฑ์อาหารแมวเบลล็อตต้าและอาหารสุนัขมาร์โว่กว่า 80,000 กระป๋อง และอาหารแมวและสุนัขชนิดเม็ดกว่า 6,000 กิโลกรัม ให้แก่องค์กรช่วยเหลือสัตว์ และศูนย์พักพิงสัตว์เลี้ยงอีกด้วย

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าว “การช่วยเหลือผู้คนและสัตว์เลี้ยงในชุมชนที่เรามีการดำเนินธุรกิจอยู่นั้น เป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งสำหรับเรา โควิด-19 เป็นความท้าทายที่ใหม่และได้สร้างความยากลำบากต่อผู้คนทั้งโลกในช่วงสองปีที่ผ่านมา และยังไม่มีสัญญาณของการผ่อนคลายของสถานการณ์ในขณะนี้ เนื่องจากยังคงมีการแพร่ระบาดและมีการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส เราจะยังคงให้การช่วยเหลือในฐานะบริษัท และร่วมมือกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ตราบเท่าที่มีความต้องการความช่วยเหลือ”

ทั้งนี้ ไทยยูเนี่ยนยังคงให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างต่อเนื่อง มีการมอบเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับป้องกันโควิด-19 แก่โรงพยาบาล หน่วยงานราชการส่วนท้องถิ่น ศูนย์เตรียมความพร้อมก่อนวัยเรียนทั้ง 5 แห่งของไทยยูเนี่ยนที่จัดตั้งขึ้นเพื่อดูแลบุตรของแรงงานข้ามชาติ และโรงเรียนภายใต้โครงการ ConnextED อีก 40 โรงเรียนที่ไทยยูเนี่ยนสนับสนุน รวมถึงบริจาคเงินช่วยเหลือแก่โรงพยาบาลทั้งในจังหวัดสมุทรสาครและกรุงเทพฯ ในปีที่ผ่านมา

การบริจาคจำนวนมากตลอดสองปีที่ผ่านมา เป็นการดำเนินงานเพื่อตอบสนองต่อความต้องการเร่งด่วนเพื่อช่วยลดความรุนแรงของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามโควิด-19 ยังคงอยู่กับพวกเรา และไทยยูเนี่ยนยังคงมุ่งมั่นให้การช่วยเหลือผู้คนและชุมชนสัตว์เลี้ยงในพื้นที่ที่บริษัทมีการดำเนินธุรกิจอยู่ต่อไป

“คุณสามารถวางใจได้ว่า ในขณะที่เรากำลังจัดการกับวิกฤตครั้งนี้ แต่ไทยยูเนี่ยนจะยังคงให้การสนับสนุนผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือไม่เปลี่ยนแปลง” นายธีรพงศ์กล่าวทิ้งท้าย

###

เกี่ยวกับไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำด้านอาหารทะเลระดับโลกที่นำผลิตภัณฑ์อาหารทะเลคุณภาพสูง ดีต่อสุขภาพ อร่อย และสร้างสรรค์ มาสู่ลูกค้าทั่วโลกมาเป็นเวลากว่า 40 ปี ปัจจุบัน ไทยยูเนี่ยนถือได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอาหารทะเลชั้นนำของโลกและเป็นหนึ่งในผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าที่เก็บไว้ได้นานที่สุด โดยมียอดขายต่อปีเกินกว่า 132.4 พันล้านบาท (4.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) และแรงงานทั่วโลกกว่า 44,000 คน ที่ทุ่มเทให้กับการบุกเบิกผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่สร้างสรรค์และยั่งยืน

ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ เบลลอตต้า และมาร์โว่ นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบอาหารภายใต้แบรนด์ UniQ™BONE และ UniQ™DHA และผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพแบรนด์ ZEAvita.

จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบทั่วโลก ไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาโดยตลอด จนส่งผลให้ไทยยูเนียนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่ 8 ปีติดต่อกัน โดยในปี 2564 ได้รับเลือกเป็นบริษัทอันดับ 2 ของกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหาร นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน