ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ประกาศรายได้สุทธิจากการดำเนินงานปกติอยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น ท่ามกลางสภาวะตลาดที่ท้าทายอย่างต่อเนื่อง

บรรยายภาพแบรนด์ต่างๆ ของไทยยูเนี่ยน (เครดิตภาพ ไทยยูเนี่ยน)

  • ยอดขาย ไตรมาส 3 ของปี 2561 อยู่ที่ 34.1  พันล้านบาท ลดลง 1.9 เปอร์เซ็นต์ จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และกำไรขั้นต้น อยู่ที่ 5,378 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14 เปอร์เซ็นต์จากไตรมาสก่อน
  • อัตรากำไรเพิ่มขึ้นเป็น 15.7 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาส 3 จาก 14 เปอร์เซ็นต์ ในไตรมาส 3 ปี 2560
  • ราคาวัตถุดิบปลาทูน่ามีเสถียรภาพทำให้อัตรากำไรเพิ่มขึ้น และธุรกิจปลาทูน่าเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้อัตรากำไรเพิ่มขึ้น
  • กระแสเงินสดสูงถึง 10,651 ล้านบาท
  • การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในธุรกิจปลาแซลมอนในสก็อตแลนด์ทำให้เกิดการด้อยค่าของสินทรัพย์ 420 ล้านบาท

5 พฤศจิกายน 2561, กรุงเทพฯ - บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) รายงานผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 ประจำปี 2561 ยอดขาย จำนวน 34,174 ล้านบาท ลดลง 1.9 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ของปีก่อน เนื่องจากผลกระทบจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นและราคาวัตถุดิบที่ลดลง ยอดกำไรสุทธิที่รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ จำนวน 1,310 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ในไตรมาส 3 นี้ กำไรปกติ หรือ normalized net profit ได้ถูกปรับจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ของบริษัท อดิบะระ แซลมอน เป็นจำนวน 420 ล้านบาท ทำให้กำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติอยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท อัตรากำไรเท่ากับ 5.1 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มขึ้นจาก 4.0 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสที่ 2

กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นอย่างมากจากไตรมาสที่ 2 ของปี 2561 เป็น 5,378 ล้านบาท ในขณะที่อัตรากำไรอยู่ที่ 15.7 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับ 14 เปอร์เซ็นต์ ในไตรมาสที่ผ่านมา เป็นกำไรขั้นต้นที่ดีที่สุดตั้งแต่ปี 2559 ในขณะที่ตลาดยังคงผันผวนอย่างต่อเนื่อง สืบเนื่องจากวัตถุดิบคงคลังที่มีราคาสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจกุ้ง และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น

เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา ยอดขายผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแปรรูปในไตรมาสที่ 3 นี้อยู่ที่ 16,806 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.4 เปอร์เซ็นต์ ยอดขายจากธุรกิจอาหารทะเลแช่เยือกแข็งและแช่เย็นอยู่ที่ 13,037 ล้านบาท ลดลง 8.1 เปอร์เซ็นต์ ยอดขายจากธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า อยู่ที่ 4,331 ล้านบาท ลดลง 5.4 เปอร์เซ็นต์ ส่วนหนึ่งมาจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น 1.2 เปอร์เซ็นต์ต่อสกุลเงินเหรียญสหรัฐ

ในช่วงสามไตรมาสแรกของปี 2561 ยอดขายจากทวีปอเมริกาเหนือมีสัดส่วนถึง 39 เปอร์เซ็นต์ ยอดขายจากทวีปยุโรป 31 เปอร์เซ็นต์ ยอดขายจากประเทศไทย 10 เปอร์เซ็นต์ และตลาดอื่นๆ 20 เปอร์เซ็นต์

การแข่งขันที่สูงขึ้นในทวีปอเมริกาเหนือ กอปรกับสกุลเงินเหรียญสหรัฐอ่อนตัวลง ทำให้ยอดขายอาหารแช่เยือกแข็งและแช่เย็น โดยเฉพาะกุ้งและล็อบสเตอร์ ลดมูลค่าลง ในขณะที่ปริมาณธุรกิจลดลง 3.5 เปอร์เซ็นต์ในภูมิภาคนี้

อย่างไรก็ตาม ตลาดจีนและตะวันออกกลางยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ และการตลาดและการขายที่เข้มแข็ง

บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงาน 1,834 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.1 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ของปี 2560 การควบคุมต้นทุนอย่างรัดกุม ทำให้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารนั้นลดลง 1 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารนั้นเพิ่มขึ้นเล็กน้อย อยู่ที่ 10.4 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสที่ 3 ปี 2561 เพิ่มขึ้นจาก 10.3 เปอร์เซ็นต์ของปีก่อนหน้าเนื่องจากรายได้ที่ลดลง

การควบคุมเงินหมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพและกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมและค่าจัดจำหน่าย 3,221 ล้านบาทในไตรมาสที่ 3 นี้ ไทยยูเนี่ยนลดสัดส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ลงมาอยู่ที่ 1.40 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับ 1.41 เท่า เมื่อสิ้นไตรมาสที่ 2

"เราเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นและกำไรสุทธินั้นดีที่สุดนับแต่ปี 2558 เป็นผลจากการดำเนินงานที่เข็มแข็ง การปรับปรุงการดำเนินงาน และราคาวัตถุดิบที่มีเสถียรภาพ" นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป กล่าว

"ไทยยูเนี่ยนจะขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องด้วยลักษณะธุรกิจที่หลากหลาย และยังคงรุดหน้าพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ต่อไป"

โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ไทยยูเนี่ยนได้เปิดตัว The Lobster Lab ร้านอาหารทะเลภายใต้แบรนด์ธรรมชาติ ซีฟู้ด ในซุปเปอร์มาร์เก็ตเหอหม่า ซึ่งเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตแนวใหม่จากอาลีบาบาในเมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน โดยร้านอาหารที่ใช้คอนเซ็ปต์ซื้อกลับและนั่งทานในร้านนี้จะเสิร์ฟกุ้งล็อบสเตอร์สดจากทวีปอเมริการเหนือ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคชาวจีนที่นิยมรับประทานอาหารทะเลสดที่ยังคงคุณค่าและมีรสชาติดี

ในทวีปยุโรป หน่วยธุรกิจ Marine Ingredients ของไทยยูเนี่ยนยังได้ตั้งโรงงาน กลั่นน้ำมันปลาที่ใช้เทคโนโลยีอันทันสมัยในเมืองรอสต็อค ประเทศเยอรมนี เพื่อผลิตน้ำมันปลาทูน่าที่มีมูลค่าสูง มีปริมาณ DHA สูง ซึ่งเป็นหนึ่งในส่วนประกอบสำคัญของอาหารสำหรับทารก อาหารเสริมและโภชนาการคลินิก การผลิตน้ำมันปลาทูน่าที่สมบูรณ์ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำนี้นับเป็นก้าวแรกของไทยยูเนี่ยนในการใช้ปลาทั้งตัวได้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด

ไทยยูเนี่ยนยังคงดำเนินกิจกรรมและโครงการต่างๆ ภายใต้กลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® อย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่ 3 และติดดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ปี 2561 เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน โดยในปีนี้ได้เป็นอันดับที่ 1 ในหมวดอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหาร SeaChange® ซึ่งเป็นกลยุทธ์ความยั่งยืนของไทยยูเนี่ยน ได้ผลักดันให้บริษัทได้คะแนนเต็ม 100 เปอร์เซ็นไทล์ ด้านความยั่งยืนรวม นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับคัดเลือกให้ติดอันดับในดัชนี FTSE4Good หมวดตลาดเกิดใหม่ ซึ่งจัดอันดับโดยฟุตซี รัสเซล เพื่อช่วยนักลงทุนตระหนักถึงปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมภิบาล (ESG) ในการตัดสินใจลงทุน และเป็นกรอบการดำเนินงานเพื่อการมีส่วนร่วมและความรับผิดชอบต่อสังคมของบริษัท

นายธีรพงศ์ กล่าวว่า "เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับการยอมรับในความทุ่มเทของบริษัทที่ทำงานด้านความยั่งยืนอย่างจริงจัง ในฐานะที่เราเป็นบริษัทอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดบริษัทหนึ่งของโลก ไทยยูเนี่ยนได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำอย่างเต็มตัวที่จะเปลี่ยนแปลงเชิงบวกโดยนำเอาความยั่งยืนมาเป็นหัวใจในการดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้ ไทยยูเนี่ยนยังเป็นบริษัทอาหารทะเล และบริษัทอาหารรายเดียว จากบริษัทผลิตอาหารทั้งหมด ที่ได้รับการจัดอันดับเป็นที่ 1 โดย DJSI ไทยยูเนี่ยนและแบรนด์ทุกแบรนด์ของเราทั่วโลกมีความมุ่งมั่นที่ดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม"

เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ณ งาน ประชุม "Our Ocean Conference" ครั้งที่ 5 ซึ่งจัดขึ้นที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย แบรนด์ Chicken of the Sea® ซึ่งเป็นหนึ่งในแบรนด์ของไทยยูเนี่ยน และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำมอนเทอเรย์เบย์ประกาศเปิดตัวพันธกิจ SeaChange® IGNITE ซึ่งเป็นความร่วมมือเพื่อความก้าวหน้าด้านความยั่งยืน และการปรับปรุงตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมกลยุทธ์เพื่อความยั่งยืนของไทยยูเนี่ยน SeaChange® สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ มีมูลค่าถึง 73 ล้านเหรียญสหรัฐ และจะดำเนินไปจนถึงปี 2568 โดยจะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และในภูมิภาคอื่นที่สำคัญด้านการผลิตอาหารทะเล

ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการยอมรับในเรื่องการแก้ไขปัญหาแรงงานทาสยุคใหม่และแรงงานบังคับ ในฐานะบริษัทเอกชนที่มีความพยายามในการจัดการปัญหาอย่างจริงจัง โดยตัวแทนของบริษัทได้ขึ้นพูดในเวทีสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ณ กรุงนิวยอร์ค เกี่ยวกับการดำเนินงานและประสบการณ์ในการจัดการปัญหาดังกล่าว ให้กับผู้นำจากประเทศต่างๆ ที่เป็นสมาชิกสหประชาชาติ ตัวแทนจากภาคประชาสังคม ภาคเอกชน นักลงทุนและสื่อมวลชน

ไทยยูเนี่ยน ได้เข้าร่วมในการประชุมประจำ Bali Process Government and Business Forum ประจำปี ครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการบาหลีเกี่ยวกับการลักลอบขนคนเข้าเมือง การค้ามนุษย์ และอาชญากรรมข้ามชาติที่เกี่ยวข้อง (Bali Process on People Smuggling, Trafficking in Persons and Related Transnational Crime) โดยมีประเทศอินโดนีเซียและออสเตรเลียเป็นประธานร่วมกัน ซึ่งไทยยูเนี่ยนได้สนับสนุน แนวทาง Bali Process Acknowledge, Act and Advance (AAA) Recommendations ซึ่งเป็นแนวทางสำหรับการปฏิบัติเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ 8.7 ของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และขจัดอาชญากรรมข้ามชาติที่กำลังเป็นเรื่องน่าวิตกกับประชาชนในภูมิภาคอินโด-เอเชียแปซิฟิก

บริษัทยังได้เผยแพร่วิดีโอสั้น เพื่อแนะนำระบบการตรวจสอบย้อนกลับแบบดิจิทัล และการใช้การบันทึกการทำประมงระบบอิเล็กทรอนิกส์ในห่วงโซ่อุปทาน เพื่อส่งเสริมความยั่งยืนในอุตสาหกรรมประมงให้มากขึ้น ซึ่งได้รับการสนับสนุนทั้งจากพันธมิตรและหน่วยงานภาครัฐ โดยวิดีโอชุดนี้ เป็นชุดล่าสุดในทั้งหมดสามชุด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการดำเนินโครงการนำร่องระบบตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งที่มาของวัตถุดิบด้วยนวัตกรรมดิจิทัลซึ่งดำเนินการเมื่อปีที่ผ่านมาในประเทศไทย บนเรือประมงที่มีการติดตั้งระบบสื่อสาร "Fleet One" โดยลูกเรือ กัปตัน และเจ้าของเรือได้รับการอบรมการใช้แอปพลิเคชันสนทนา ซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถติดต่อกับครอบครัวและเพื่อนขณะที่ออกทะเล นับเป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมประมงของไทยในการส่งเสริมเรื่องสิทธิมนุษยชน

ไทยยูเนี่ยนได้สนับสนุนโครงการอาหารโลก ขององค์การสหประชาชน หรือ World Food Programme (WFP) ในการศึกษารูปแบบผลกระทบของโครงการอาหารโรงเรียนแห่งชาติที่มีต่อเศรษฐกิจของประเทศเคนยา และได้เผยแพร่วิดีโอสั้น ที่สัมภาษณ์ผู้มีส่วนร่วมในโครงการนี้ ผลการศึกษาเบื้องต้นจะมีการประกาศในปี 2562 และจะให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีประโยชน์ต่อรัฐบาลเคนยาเกี่ยวกับแผนการจัดการโครงการอาหารกลางวันที่เป็นสากลเพื่อเด็กนักเรียนทุกคนในเคนยา โครงการนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการพัฒนาโภชนาการของเด็กนักเรียน ในขณะเดียวกันก็ช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจในท้องถิ่นด้วยนโยบายเดียวกัน นอกจากนี้ ความสำเร็จที่ได้จะเป็นช่องทางในการริเริ่มโครงการที่คล้ายกันในระดับโลก ทั้งในประเทศที่พัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา

ในไตรมาสที่ 3 ปี 2561 นี้ ไทยยูเนี่ยนได้รับรางวัลและการยอมรับในเรื่องความยั่งยืนมากมาย โดยมูลนิธิธอมป์สัน รอยเตอร์ส เป็นหน่วยงานเพื่อการกุศลของผู้ให้บริการชั้นนำของโลกด้านข่าวและข้อมูลได้ประกาศให้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็น 1 ใน 6 บริษัทที่เข้ารอบสุดท้ายชิงรางวัล Stop Slavery Award ประจำปี โดยผู้เข้ารอบทั้ง 6 บริษัทนี้ รวมถึง Apple และ Unilever นอกจากนี้ยังมีบริษัทอื่นๆ ที่เป็นตัวแทนในกลุ่มอุตสาหกรรมจากอาหารทะเล และแฟชั่น ไปจนถึงบริการทางการเงิน และเทคโนโลยี และบริษัทยังได้รับเกียรติในงานประกาศรางวัล Responsible Business Award ครั้งที่ 8 ประจำปี 2561 ของ Ethical Corporation สำหรับผู้นำด้านความยั่งยืน และได้รับการเสนอชื่อเข้ารอบสุดท้ายชิงรางวัลอีก 3 ประเภท สำหรับการริเริ่มโครงการและกิจกรรมต่างๆ ระหว่างปีที่ผ่านมา ซึ่งสอดคล้องกับ SeaChange® กลยุทธ์ความยั่งยืนของบริษัท รางวัล 3 ประเภทดังกล่าวคือ รายงานการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งปี สิทธิมนุษยชน และการจัดการห่วงโซ่อุปทานซึ่งเป็นการร่วมงานกับองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล ประเทศอังกฤษ: WWF-UK

เมื่อต้นปีนี้ ไทยยูเนี่ยน และ WWF-UK ได้รับรางวัลเหรียญทอง ประเภท "การจัดการห่วงโซ่อุปทานยอดเยี่ยม" จากงาน Global Good Awards ประจำปี 2561 จากการที่ทั้งสององค์กรประสบความสำเร็จผ่านความร่วมมือกันในสหภาพยุโรป นอกจากนี้ แบรนด์ John West ซึ่งเป็นแบรนด์ของไทยยูเนี่ยน ยังได้รับรางวัลชนะเลิศแบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารกระป๋อง จากสำนักงานคณะกรรมการรับรองมาตรฐานการประมง (MSC) ประจำปี 2561 ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นปีที่สองติดต่อกัน ท้ายสุด The Business Intelligence Group ได้มีการประกาศรายชื่อผู้ชนะรางวัลด้านความยั่งยืน (Sustainability Awards) ประจำปี 2561 เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ที่ทำเรื่องความยั่งยืนและนำมาเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจ โดยไทยยูเนี่ยนได้รับรางวัลใน 2 ประเภท ได้แก่ Sustainability Leadership of the Year (องค์กร) และโครงการนำร่องการตรวจสอบย้อนกลับด้วยระบบดิจิทัลของบริษัท สำหรับการริเริ่มการพัฒนาอย่างยั่งยืนแห่งปี (โครงการ)

###

หมายเหตุ ในเดือนกันยายน 2561 เมอร์อไลอันซ์ บริษัทในเครือไทยยูเนี่ยน ประกาศขายหรือปิดกิจการ บริษัท อดิบะระ แซลมอน ที่ตั้งอยู่ ณ เมืองดิงเวลล์ สก็อตแลนด์ หลังจากขาดทุนต่อเนื่องเฉลี่ยต่อปี 5 ล้านเหรียญสหรัฐ

เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลของโลก ซึ่ง ส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรม รสชาติดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีคุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคทั่วโลกมาเป็นเวลามากกว่า 40 ปี

วันนี้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าบรรจุภาชนะชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีมากกว่า 135 แสนล้านบาท (4.03 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีพนักงานทั่วโลกรวมกันมากกว่า 49,000 คน ซึ่งล้วนทุ่มเทเพื่อผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรมและมีความยั่งยืน

ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ เบลลอตต้า และมาร์โว่

จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบทั่วโลก ไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืน

ของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาโดยตลอด จนส่งผลให้ไทยยูเนียนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่มาตั้งแต่ปี 2557 และในปี 2561 ไทยยูเนี่ยนได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของ DJSI เป็นปีที่ห้าติดต่อกัน โดยอยู่ในอันดับที่หนึ่งของหมวดอุตสาหกรรมอาหาร นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index และเป็นผู้ชนะในหลากหลายรางวัลสำหรับการทำงานเป็นผู้นำด้านความยั่งยืน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ

วิริยาภรณ์ โปษยานนท์
ฝ่ายสื่อสารองค์กร
T: +66.2298.0024 Ext. 4423
M: +66.81.922.5135
E: Wiriyaporn.Posayanonda@thaiunion.com