ไทยยูเนี่ยน เปิดตัวโครงการพัฒนาเรือประมง และแนวปฏิบัติด้านแรงงานบนเรือประมง

บรรยายใต้ภาพ: เรืออวนล้อมมุ่งหน้าออกจากอ่าวเวนทูรา ไปยังช่องแคบซานต้า บาร์บาราในแคลิฟอร์เนีย เครดิตภาพโดย: Marci Paravia/Shutterstock

27 ธันวาคม 2560 กรุงเทพฯ — บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดตัวโครงการพัฒนาเรือประมง และแนวปฏิบัติด้านแรงงานบนเรือประมง หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า VCoC เพื่อให้แนวทางที่ชัดเจนกับเรือประมงซึ่งจัดหาวัตถุดิบให้กับบริษัท และปรับปรุงการดำเนินงานด้านแรงงานและจริยธรรมในภาคประมง

แนวปฏิบัติด้านแรงงานบนเรือประมงเป็นบริบทต่อยอดจาก จรรยาบรรณธุรกิจและแนวปฏิบัติด้านแรงงาน ของไทยยูเนี่ยน ซึ่งตั้งอยู่บนหลักการพื้นฐาน 12 ประการ โดยได้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมความมีคุณธรรมและศีลธรรม และยังสอดคล้องกับข้อตกลงแห่งสหประชาชาติด้านหลักการของความรับผิดชอบพื้นฐานต่อมนุษย์ และการเคารพสิทธิของพวกเขา โดยจรรยาบรรณธุรกิจและแนวปฏิบัติด้านแรงงานเน้นไปที่การจ้างงานและการปฏิบัติต่อแรงงาน ซึ่งกำหนดแนวทางปฏิบัติด้านสวัสดิการแรงงาน สิทธิประโยชน์ ค่าแรง อายุ และสิทธิในการมีเสรีภาพในการเข้าร่วมสมาคมหรือกิจกรรม  สิทธิในการต่อรอง และกรอบการดูแลเรื่องอาชีวอนามัยและความปลอดภัยที่ไม่สามารถต่อรองได้

หลักการ 12 ข้อจะเป็นกรอบให้กับแนวปฏิบัติทั้งสองด้าน เพราะจะนำมาปรับใช้กับทุกส่วนของธุรกิจของไทยยูเนี่ยน อย่างไรก็ตาม รายละเอียดของแนวปฏิบัติ VCoC  ได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้กับเรือประมงโดยเฉพาะ ซึ่งจะสะท้อนถึงสภาพการทำงานบนเรือประมงที่จำเป็นต้องได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ

“โครงการพัฒนาเรือประมงของไทยยูเนี่ยนและแนวปฏิบัติด้านแรงงานบนเรือประมง จะช่วยวางกรอบความคาดหวังของบริษัทในเรื่องแรงงาน และการปฏิบัติต่อแรงงานอย่างมีจริยธรรมจากเรือประมงที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานของเรา รวมทั้งมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้คู่ค้ามีส่วนร่วมในการปรับปรุงด้านแรงงานในภาคการประมง” ดร. แดเรี่ยน แมคเบน ผู้อำนวยการกลุ่มการพัฒนาที่ยั่งยืนของไทยยูเนี่ยน กล่าว

คู่ค้าทางธุรกิจของไทยยูเนี่ยนทั้งปัจจุบัน และรายใหม่ต้องลงนามในแนวปฏิบัติด้านแรงงานบนเรือประมงในการทำธุรกิจกับบริษัท ซึ่งเป็นการยืนยันว่า มีการดำเนินการตามแนวปฏิบัติ VCoC กับเรือประมงทั้งหมดในห่วงโซ่อุปทานของบริษัท

ไทยยูเนี่ยน มีสิทธิ์ในการขอตรวจสอบการดำเนินงานตามแนวปฏิบัติ VCoC ของคู่ค้า ยกตัวอย่างเช่น การให้มีการตรวจสอบจากหน่วยงานภายนอก ในช่วงเวลาใดก็ได้ตลอดที่มีการดำเนินธุรกรรมทางธุรกิจ โดยไทยยูเนี่ยนจะมีโครงการตรวจสอบแนวปฏิบัตินี้เป็นประจำทุกปี

นอกจากนั้น แนวปฏิบัติด้านแรงงานบนเรือประมงยังครอบคลุมถึงความมุ่งมั่นของคู่ค้าในการพัฒนาโครงการพัฒนาเรือประมง (Vessel Improvement Program: VIP) เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนด และการจัดการในประเด็นต่างๆ ที่ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดที่อยู่ในข่ายที่น่ากังวล แนวปฏิบัตินี้จะช่วยเพิ่มความโปร่งใสให้กับคู่ค้า รวมทั้งเป็นการแสดงความรับผิดชอบและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น 

โครงการพัฒนาเรือประมงและแนวปฏิบัติด้านแรงงานบนเรือประมง สอดคล้องกับ SeaChange® กลยุทธ์ความยั่งยืนของไทยยูเนี่ยน ไทยยูเนี่ยนวาง SeaChange® เป็นแนวทางที่ครอบคลุมทุกด้านของการทำธุรกิจอาหารทะเล นับตั้งแต่วิธีการที่บริษัทอนุรักษ์ท้องทะเล ไปจนถึงการบริหารจัดการของเสีย รวมถึงความรับผิดชอบที่ไทยยูเนี่ยนมีต่อพนักงานไปจนถึงการสร้างอนาคตที่ดีขึ้นให้กับชุมชนในพื้นที่ที่บริษัทมีการดำเนินการ

นอกจากนี้ แนวปฏิบัติ VCoC ได้ร่างขึ้นจากโครงการตรวจสอบเรือประมงที่มีอยู่ และเป็นส่วนขยายจากจรรยาบรรณธุรกิจและแนวปฏิบัติด้านแรงงาน อีกทั้งยังสนับสนุนพันธสัญญาที่ได้ให้คำมั่นไว้ในข้อตกลงกับองค์กรกรีนพีซในเดือนกรกฎาคม 2560

“ภารกิจของเราคือ การเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในธุรกิจอาหารทะเล เราจะยังคงเดินหน้าทำหน้าที่ของเราต่อไปในการส่งเสริมเรื่องสิทธิมนุษยชน และเรายังคงมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมให้แรงงานทำงานอย่างปลอดภัยและถูกกฎหมาย รวมทั้งมีสิทธิเสรีภาพในการเลือกทำงาน” ดร. แดเรี่ยน กล่าว “การดำเนินการตามภารกิจนี้ ครอบคลุมไปถึงการบังคับใช้จรรยาบรรณธุรกิจและแนวปฏิบัติด้านแรงงานอย่างเข้มงวด และตอนนี้ เรามีแนวทางปฏิบัติด้านแรงงานบนเรือประมงเพิ่มขึ้นอีกฉบับหนึ่ง คู่ค้าที่ไม่สามารถปฏิบัติได้ตามมาตรฐานที่กำหนดไว้จะไม่สามารถคงสถานะการเป็นคู่ค้าให้กับไทยยูเนี่ยนได้”

ท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวปฏิบัติด้านแรงงานบนเรือประมงได้ที่นี่: http://www.thaiunion.com/th/download/sustainability

###

เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลของโลก ซึ่ง ส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรม รสชาติดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีคุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคทั่วโลกมาเป็นเวลาเกือบ 40 ปี

วันนี้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าบรรจุภาชนะชนิดต่าง ๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีมากกว่า 125 พันล้านบาท (3.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีพนักงานทั่วโลกรวมกันมากกว่า 46,000 คน ซึ่งล้วนทุ่มเทเพื่อผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรมและมีความยั่งยืน

ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช เบลลอตต้า และมาร์โว่

จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบทั่วโลก ไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาโดยตลอดในเรื่องดังกล่าว จนส่งผลโดยรวมให้ไทยยูเนียนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่มาตั้งแต่ปี 2557 และในปี 2560 ไทยยูเนี่ยนได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของ DJSI เป็นปีที่สี่ติดต่อกัน  นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี  FTSE4Good Emerging Index เมื่อเร็วๆ นี้อีกด้วย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ

คุณวิสาขา จันทกิจ
บมจ. ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป
มือถือ: +66.81.845.7316
อีเมล: Wisaka.Chantakit@thaiunion.com