ทียูเอฟ รายงานผลกำไรสุทธิไตรมาสที่สาม สูงสุดเป็นประวัติการณ์

  • กำไรสุทธิประจำไตรมาสสูงสุดที่ 1,922 ล้านบาท
  • การจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพเป็นปัจจัยสำคัญต่อผลกำไรอันโดดเด่น
  • กำไรสุทธิก่อนหักดอกเบี้ยภาษีเงินได้และค่าเสื่อมเพิ่มขึ้น 34.2 เปอร์เซนต์ ในเก้าเดือนแรก
  • กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 1.67 บาท เพิ่มขึ้น 92 เปอร์เซนต์ ในไตรมาสสาม

กรุงเทพฯ - (14 พฤศจิกายน 2557) - บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ทียูเอฟ รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่สามของปีนี้ มีกำไรสุทธิ 1,922 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 91.4 เปอร์เซนต์เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2556 ขณะที่กำไรสุทธิของเก้าเดือนแรกอยู่ที่ 4,393 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 115.6 เปอร์เซนต์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยกำไรสุทธิสูงขึ้นเนื่องจากการขยายตัวของกำไรขั้นต้นเป็นผลมาจากการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพสูง การไม่ต้องชำระดอกเบี้ยสะสมจากไตรมาสก่อนอันเป็นผลจากการแปลงสภาพหุ้นกู้เป็นหุ้นของทียูเอฟ รวมถึงการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงในสหรัฐอเมริกา

ยอดขายรวมของกลุ่มทียูเอฟใน 9 เดือนแรกอยู่ที่ 88,630 ล้านบาท เติบโต 8.1 เปอร์เซนต์เมื่อเทียบกับกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ดี รายงานกำไรก่อนหักดอกเบี้ยภาษีเงินได้และค่าเสื่อมใน 9 เดือนแรกของปี 2557 นี้ เพิ่มขึ้น 56.5 เปอร์เซนต์ จาก 5,612 ล้านบาทไปที่ 8,709 ล้านบาท

ผลประกอบการอันโดดเด่นในไตรมาสที่สามของทียูเอฟ เป็นผลมาจากปัจจัยที่สำคัญหลายประการ ได้แก่ ผลการดำเนินงานอันยอดเยี่ยมของธุรกิจแบรนด์ของปลาทูน่า การบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และการไม่ต้องชำระดอกเบี้ยสะสมจากไตรมาสก่อนจากการแปลงสภาพหุ้นกู้เป็นหุ้นของทียูเอฟ ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

นอกจากนี้ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งคือ การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงในสหรัฐอเมริกาที่ส่งผลต่อผลประกอบการดังกล่าวให้แข็งแกร่ง ขณะที่ธุรกิจกุ้งยังคงเติบโตสร้างกำไรได้ดีถึงแม้ต้องเผชิญปัญหากุ้งขาดแคลนในตลาดโลกเนื่องจากการระบาดโรคอีเอ็มเอส (EMS)

ขณะที่สัดส่วนรายได้ของกลุ่มธุรกิจทียูเอฟ ประจำไตรมาสที่สามโดยแบ่งตามตลาดมีดังนี้ สหรัฐอเมริกา มีสัดส่วน 43 เปอร์เซนต์ ยุโรป 31 เปอร์เซนต์ ญี่ปุ่น 7 เปอร์เซนต์ ตลาดในประเทศ 7 เปอร์เซนต์ และตลาดอื่นๆ ประกอบด้วยแอฟริกา ออสเตรเลีย เอเชียไม่รวมญี่ปุ่น ตะวันออกกลาง แคนาดา และอเมริกาใต้ รวม 12 เปอร์เซนต์

ภาพรวมสัดส่วนรายได้ของ 6 กลุ่มธุรกิจแบ่งตามผลิตภัณฑ์หลักของทียูเอฟในช่วงเก้าเดือนแรกของปี ยังมีการเติบโตที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง โดยมีผลงานโดดเด่นในกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มและผลิตภัณฑ์อื่นๆ และกลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจปลาทูน่ามีสัดส่วนรายได้เท่ากับ 47 เปอร์เซนต์ กลุ่มธุรกิจกุ้งและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกุ้ง 24 เปอร์เซนต์ กลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง 7 เปอร์เซนต์ กลุ่มธุรกิจปลาซาร์ดีนและปลาแมคเคอเรล 5 เปอร์เซนต์ กลุ่มธุรกิจปลาแซลมอน 4 เปอร์เซนต์ และกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มและผลิตภัณฑ์อื่นๆ 13 เปอร์เซนต์

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ทียูเอฟ ผู้นำและเชี่ยวชาญด้านอาหารทะเล และผู้ผลิตทูน่าบรรจุกระป๋อง

อันดับหนึ่งของโลก กล่าวว่า "เรามีความตื่นเต้นและยินดีมากที่สามารถสร้างกำไรประจำไตรมาสสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,922 ล้านบาท เติบโตกว่า 91 เปอร์เซนต์เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เรายังคงเพิ่มศักยภาพในการจัดการการผลิต กลยุทธ์การสรรหาวัตถุดิบ รวมทั้งการรักษาระเบียบวินัยทางการเงินที่ช่วยส่งเสริมให้เกิดความยั่งยืนต่อธุรกิจของเรา การมุ่งเน้นต่อการเติบโตอันท้าทายและแนวทางการควบรวมกิจการของเราในปัจจุบัน ทำให้เราแน่ใจว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายยอดขายรวมที่ 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2563 ได้อย่างแน่นอน"

คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติการแตกหุ้นทำให้มีจำนวนหุ้นเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้หุ้นทียูเอฟเข้าถึงนักลงทุนรายย่อยได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้หุ้นมีสภาพคล่องที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม การดำเนินการนี้จะต้องได้รับการอนุมัติขั้นสุดท้ายจากการประชุมผู้ถือหุ้นต่อไป

เกี่ยวกับทียูเอฟ

เป็นเวลากว่า 37 ปีที่ บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ทียูเอฟ ได้สนองตอบความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลกในด้านผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และสะดวกในการรับประทาน วันนี้ทียูเอฟถือเป็นผู้ผลิตทูน่าบรรจุกระป๋องที่ใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอาหารทะเลรายใหญ่ของโลกโดยมียอดขายกว่าหนึ่งแสนล้านบาทต่อปี (3.66 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีการจ้างงานกว่า 35,000 ตำแหน่งทั่วโลก

ตลอดเวลาเราทุ่มเทการผลิตสินค้าอาหารทะเลที่มีคุณภาพและความปลอดภัยสูง และใส่ใจในเรื่องรสชาติ และความสะดวก เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับผู้บริโภคทั่วโลก เราเป็นเจ้าของแบรนด์ชั้นนำในต่างประเทศ เช่น Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, Century และแบรนด์ที่จำหน่ายภายในประเทศไทย เช่น ซีเล็ค ฟิชโช และเบลลอตต้า

ในฐานะที่ทียูเอฟ เป็นบริษัทที่ยึดมั่นในนวัตกรรม และการรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เราภูมิใจที่ได้เข้าเป็นภาคีข้อตกลงระดับโลกแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น โกลบอล คอมแพค เป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล รวมทั้งเป็นบริษัทอาหารแห่งแรกบริษัทฯ เดียวของประเทศไทยได้รับการคัดเลือกเป็นสมาชิกในกลุ่มดัชนีความยั่งยืนของดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) ประจำปี 2557 ในกลุ่มดัชนี DJSI Emerging Markets หมวดอุตสาหกรรมอาหาร

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับทียูเอฟ สามารถดูได้ที่ www.thaiuniongroup.com

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: 
บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) 
ศศินันท์ ออลแมนด์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร (Head of Corporate Communications) 
โทรศัพท์: +66 (0)2 298 0024 ต่อ 568 
โทรสาร: +66 (0)2 298 0024 ต่อ 677 
อีเมล์ : sasinan_al@thaiunion.co.th