ชิคเก้น ออฟ เดอะ ซี บริจาคอาหารทะเลกว่า 5 แสนชุดช่วยเหลือนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในสหรัฐอเมริกา

ลอสแอนเจลีส, แคลิฟอร์เนีย — 14 ธันวาคม 2564 — ชิคเก้น ออฟ เดอะ ซี บริจาคอาหารทะเลมากกว่า 5 แสนชุดช่วยเหลือนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ค่าอาหาร

ในขณะที่ประชาชนชาวอเมริกันเฉลิมฉลองเทศกาลขอบคุณพระเจ้าในเดือนที่ผ่านมา กลับมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ต้องประสบกับสถานการณ์ที่ลำบาก และนักศึกษามหาวิทยาลัยต่างๆ ในสหรัฐอเมริกาขาดแคลนทุนทรัพย์ และต้องรับภาระค่าเทอมและค่ากินอยู่ที่สูงขึ้น ทำให้นักศึกษามหาวิทยาลัยเหล่านี้ไม่มีอาหารรับประทานในช่วงที่โรงอาหารและหอปิดในช่วงวันหยุด และต้องเลือกระหว่างนำเงินใช้จ่ายสำหรับอาหารหรือเป็นค่าหนังสือ

เครก เร็กซ์โรด ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท ชิคเก้น ออฟ เดอะ ซี กล่าวว่า “ในช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้านี้ สิ่งสำคัญคือการที่พวกเราได้ตอบแทนสังคมเท่าที่ทำได้ ชิคเก้น ออฟ เดอะ ซี มีความยินดีที่ได้มีส่วนช่วยองค์กรต่างๆ ในการดูแลนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ตัวอย่างเช่น เราได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยลาโยลา แมรีเมาท์ ในลอสแอนเจลีส แจกจ่ายอาหารให้กับนักศึกษาที่ประสบปัญหาดังกล่าว และยังตอบโจทย์บริษัทในผลิตอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและปลอดภัยให้กับทุกคน เราหวังว่าการช่วยเหลือในครั้งนี้จะช่วยผ่อนคลายปัญหา เพื่อให้นักศึกษายังสามารถตั้งใจเรียนและยังสามารถฉลองเทศกาลขอบคุณพระเจ้าได้อีกด้วย”

ชิคเก้น ออฟ เดอะ ซี ได้ช่วยเหลือนักศึกษามหาวิทยาลัยทั่วสหรัฐอเมริกาในช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้าด้วยการสนับสนุนอาหารทะเลซึ่งมีโปรตีนมากกว่าครึ่งล้านชุดไปยังมหาวิทยาลัยต่างๆ อาทิ University of California Los Angeles, California State , University Long Beach, Loyola Marymount University และ El Camino College 

นอกจากนี้ ชิคเก้น ออฟ เดอะ ซี ยังร่วมกับองค์กร Convoy of Hope และ the Old Savannah City Mission ในช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้านี้ในการกระจายความช่วยเหลือออกไปยังชุมชนและพื้นที่ต่างๆ ที่ต้องการความช่วยเหลือ และยังเป็นพื้นที่ที่บริษัทดำเนินธุรกิจอยู่

ทั้งชิคเก้น ออฟ เดอะ ซี และไทยยูเนี่ยน ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ดำเนินงานเพื่อสังคมในการดูแลชุมชนอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 นี้ ภายใต้โครงการไทยยูเนี่ยนแคร์ บริษัทได้บริจาคอาหารไปทั่วโลกมากกว่า 3.3 ล้านชิ้น ผ่านหน่วยงานราชการ องค์การนอกภาครัฐ มูลนิธิ และโรงพยาบาล รวมถึงการบริจาคอาหารแมวเบลล็อตต้าและอาหารสุนัขมาร์โว่จำนวนมากกว่า 78,000 กระป๋อง และอาหารสุนัขชนิดเม็ดกว่า 4,000 กิโลกรัมให้กับสถานสงเคราะห์สัตว์ ศูนย์พักพิงสัตว์เลี้ยง องค์กรสัตว์เลี้ยง และอาสาสมัครที่ดูแลสัตว์เลี้ยง

เกี่ยวกับ ชิคเก้น ออฟ เดอะ ซี อินเตอร์เนชั่นแนล

บริษัท ชิคเก้น ออฟ เดอะ ซี อินเตอร์เนชั่นแนล ก่อตั้งขึ้นในปี 2457 เป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลที่ดีต่อสุขภาพ รวมถึงรสชาติอร่อยและมีการจัดหารอย่างมีความรับผิดชอบ นอกจากผลิตภัณฑ์ต่างๆ แล้ว ยังมีสูตรอาหารและข้อมูลการวางแผนมื้ออาหารเชิงลึกที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่รักในอาหารทะเลได้ลองไอเดียใหม่ๆ ในการทำอาหาร ชิคเก้น ออฟ เดอะ ซี มีผลิตภัณฑ์หลากหลาย ทั้ง ทูน่า แซลมอน หอยลาย ปู หอยนางรม กุ้ง ปลาแมคเคอเรล ปลาคิปเปอร์ ปลาซาร์ดีน ทั้งบรรจุกระป๋อง ถ้วย และถุง รวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารโปรตีนทางเลือกต่างๆ ที่กำลังเป็นที่นิยมในสหรัฐอเมริกา

บริษัทมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองเอล เซกุนโด แคลิฟอร์เนีย บริษัทฯ มีนโยบายจัดหาวัตถุดิบจากทั่วโลก โดยการประมงที่ใช้วิธีการที่มีความรับผิดชอบ และบรรจุภัณฑ์โดยเทคโนโลยีขั้นสูงในโรงงานที่เมืองลีออนส์ จอร์เจีย และโรงงานอื่นๆ ที่บริษัทได้ทำการจ้าง บริษัทมีทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์ และมีประวัติอันยาวนานกว่า 300 ปี ในการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค

ท่านสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับชิคเก้น ออฟ เดอะ ซี รวมถึงสูตรอาหาร ข้อมูลทางโภชนาการต่างๆ และการวางแผนมื้ออาหาร และข้อมูลผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้ที่

เว็บไซต์ www.chickenofthesea.com.
เฟสบุ๊ค www.facebook.com/ChickenoftheSea
ทวิตเตอร์ https://twitter.com/COSMermaid
อินสตาแกรม http://instagram.com/ChickenOfTheSeaOfficial.

เกี่ยวกับไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำด้านอาหารทะเลระดับโลกที่นำผลิตภัณฑ์อาหารทะเลคุณภาพสูง ดีต่อสุขภาพ อร่อย และสร้างสรรค์ มาสู่ลูกค้าทั่วโลกมาเป็นเวลากว่า 40 ปี

ปัจจุบัน ไทยยูเนี่ยนถือได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้ผลิตอาหารทะเลชั้นนำของโลกและเป็นหนึ่งในผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าที่เก็บไว้ได้นานที่สุด โดยมียอดขายต่อปีเกินกว่า 132.4 พันล้านบาท (4.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) และแรงงานทั่วโลกกว่า 44,000 คน ที่ทุ่มเทให้กับการบุกเบิกผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่สร้างสรรค์และยั่งยืน

ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ เบลลอตต้า และมาร์โว่ นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบอาหารภายใต้แบรนด์ UniQ™BONE และ UniQ™DHA และผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพแบรนด์ ZEAvita.

จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบทั่วโลก ไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาโดยตลอด จนส่งผลให้ไทยยูเนียนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่ 8 ปีติดต่อกัน โดยในปี 2564 ได้รับเลือกเป็นบริษัทอันดับ 2 ของกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหาร นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน