ไทยยูเนี่ยนขึ้นแท่นอันดับ 1 ของดัชนี Seafood Stewardship Index 2 ปีซ้อนในฐานะองค์กรที่ทำงานขานรับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ

กรุงเทพฯ – 12 ตุลาคม 2564 – บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้รับการจัดอันดับจากดัชนี Seafood Stewardship Index (SSI) เป็นอันดับที่ 1 เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน สำหรับการทำงานตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยองค์การสหประชาชาติ

การทำงานของไทยยูเนี่ยนได้รับการประเมินและวัดผลโดยคณะทำงานอิสระ โดยไทยยูเนี่ยนได้คะแนนมากที่สุดใน 3 หัวข้อจากทั้งหมด 5 หัวข้อได้แก่ ธรรมาภิบาลและกลยุทย์ การตรวจสอบย้อนกลับได้ และความรับผิดชอบต่อสังคม นับเป็นปีที่ 2 ซึ่งไทยยูเนี่ยนได้รับการจัดอันดับให้อยู่ที่อันดับที่ 1 ในปี 2562 ซึ่ง SSI ได้เว้นการจัดอันดับไปในปีที่ผ่านมาเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19

SSI ได้ประเมินบริษัทที่ดำเนินธุรกิจอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดทั่วโลกทั้งหมด 30 บริษัท เพื่อเข้าใจว่าบริษัทเหล่านี้มีการทำงานด้านความยั่งยืนเพื่อระบบนิเวศน์ชายฝั่งและมหาสมุทรอย่างไร รวมถึงตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยองค์การสหประชาชาติมากน้อยเพียงใด

โดยกระบวนการประเมินเริ่มพิจารณาจากความตระหนักรู้และการยอมรับที่บริษัทได้ทำผลงานในด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม จากนั้นจึงประเมินผลงานตลอดจนกิจกรรมต่างๆ ว่าการดำเนินงานมีประสิทธิภาพในการจัดการกับอุปสรรคต่างๆ รวมถึงสร้างเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมอาหารทะเลเพื่อดูแลทรัพยากรธรรมชาติในส่วนที่บริษัทดำเนินธุรกิจอยู่ ดัชนี SSI ถูกจัดตั้งขึ้นโดยองค์กรสมาพันธ์เกณฑ์มาตรฐานโลก (World Benchmarking Alliance) ได้กล่าวว่า ไทยยูเนี่ยนได้รับคะแนนสูงสุดในหัวข้อธรรมภิบาลและกลยุทธ์ เนื่องจากบริษัทมีกลยุทธ์ความยั่งยืนที่เป็นรูปธรรมและมีการทำงานกับภาคส่วนต่างๆ

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ไทยยูเนี่ยนให้ความสำคัญกับการทำงานด้านความยั่งยืนมาโดยตลอด และเรายังมองไปถึงภาพรวมของอุตสาหกรรมอาหารทะเลของโลกอีกด้วย การที่ไทยยูเนี่ยนได้รับการจัดอันดับเป็นที่ 1 อีกครั้งโดย SSI ถือเป็นความภาคภูมิใจของพวกเราที่สะท้อนให้เห็นถึงการทุ่มเททำงานในการที่จะพัฒนาด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่องให้กับอุตสาหกรรม ซึ่งสอดคล้องไปกับเป้าหมายของเราที่จะ ดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คน ควบคู่ไปกับการดูแลท้องทะเลให้อุดมสมบูรณ์”

นอกจากนี้ ไทยยูเนี่ยนยังมีผลงานที่ดีในด้านการตรวจสอบย้อนกลับ จากการที่บริษัทมีการเปิดเผยข้อมูล รวมถึงที่ทำผ่านโครงการเปิดเผยข้อมูลเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเล หรือ Ocean Disclosure Project ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ธุรกิจอาหารทะเลทั่วโลกใช้ในการเปิดเผยข้อมูลต่างๆ ในการจัดหาวัตถุดิบ ไทยยูเนี่ยนในฐานะสมาชิกของ SeaBOS หรือSeafood Business for Ocean Stewardship และได้เข้าร่วมใน Global Dialogue for Seafood Traceability (GDST) ในการสนับสนุนระบบการตรวจสอบย้อนกลับได้ในอุตสาหกรรมอาหารทะเล

ทาง SSI กล่าวว่าไทยยูเนี่ยนได้รับคะแนนสูงสุดในหัวข้อความรับผิดชอบต่อสังคม เนื่องจาก “มีความมุ่งมั่นและชัดเจนในการทำงานเพื่อให้แรงงานบนเรือประมงมีสภาพการทำงานและความเป็นอยู่ที่ดี” และไทยยูเนี่ยนมีการตรวจสอบเรือประมงที่จัดหาวัตถุดิบให้บริษัทว่าได้ปฏิบัติตามหรือไม่ รวมถึงแสดงรายงานต่างๆ ซึ่งทาง SSI ยอมรับว่าไทยยูเนี่ยนได้แสดงให้เห็นถึงการทำงานร่วมกับบริษัทต่างๆ ตลอดห่วงโซ่อุปทานเพื่อให้เป็นไปตามแนวทางการปฏิบัติด้านแรงงานบนเรือประมงที่ได้กำหนดไว้

SSI กล่าวว่าประชากรโลกมากกว่า 3 พันล้านคนนั้นพึ่งพาอาหารทะเล “ดังนั้นบริษัทอาหารทะเลจึงมีส่วนสำคัญอย่างมากในการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น และนำอุตสาหกรรมอาหารทะเลไปสู่ความยั่งยืน”

เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลของโลก ซึ่ง ส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรม รสชาติดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีคุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคทั่วโลกมาเป็นเวลากว่า 40 ปี

วันนี้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลระดับโลก โดยเป็นหนึ่งในผู้ผลิตปลาทูน่าในบรรจุภัณฑ์ชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีมากกว่า 126,275 ล้านบาท (4.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีพนักงานทั่วโลกรวมกันมากกว่า 44,000 คน ซึ่งล้วนทุ่มเทเพื่อผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรมและมีความยั่งยืน

ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ เบลลอตต้า และมาร์โว่

จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบทั่วโลก ไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาโดยตลอด จนส่งผลให้ไทยยูเนียนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่มาตั้งแต่ปี 2557 และในปี 2562 ไทยยูเนี่ยนได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของ DJSI เป็นปีที่หกติดต่อกัน โดยได้รับเลือกเป็นบริษัทอันดับ 1 ของกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหารเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน และได้รับอีกหลากหลายรางวัลสำหรับการเป็นผู้นำในการทำงานด้านความยั่งยืน