ไทยยูเนี่ยนเชิญชวนประชาคมโลกตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกเนื่องในวันก่อตั้งองค์การสหประชาชาติ

24 ตุลาคม 2563, กรุงเทพมหานคร – ในวันที่ 24 ตุลาคมของทุกปี องค์การสหประชาชาติฉลองวาระครบรอบการก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการภายหลังภาคีสมาชิกได้ให้สัตยาบันต่อกฎบัตรสหประชาชาติ และในปี 2563 นี้ถือเป็นปีครบรอบ 75 ปีของการก่อตั้ง ไทยยูเนี่ยนจึงร่วมเชิญชวนประชาคมโลกให้ร่วมกันดูแลเพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

บรรยายภาพ: ไทยยูเนี่ยนตั้งเป้าหมายในการทำงานของบริษัทที่จะสร้าง “การมีสุขภาพที่ดีและท้องทะเลอันอุดมสมบูรณ์” โดยรวมถึงการทำงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ไทยยูเนี่ยนได้ตั้งเป้าหมายองค์กรที่รวมไปถึงการทำงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อดูแลรักษาท้องทะเลที่สมบูรณ์ไว้ ซึ่งล้อไปกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนโดยองค์การสหประชาชาติ

ดร.แดเรียน แมคเบน ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมกิจการองค์กรและความยั่งยืน บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การทำงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอาการเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ทุกคนต้องร่วมมือกัน เพราะอุณหภูมิของโลกและท้องทะเลสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และไทยยูเนี่ยน ในฐานะบริษัทผู้ผลิตอาหารทะเลระดับโลก เห็นว่าการปกป้องท้องทะเลเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง”

บรรยายภาพ: ดร.แดเรียน แมคเบน ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมกิจการองค์กรและความยั่งยืน

ไทยยูเนี่ยนมีการทำงานด้านความยั่งยืนภายในกลยุทธ์ SeaChange® ตามแนวทางเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติในข้อที่ 2 ขจัดความหิวโหย บรรลุความมั่นคงทางอาหาร ส่งเสริมเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน ข้อที่ 8 ส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่องครอบคลุมและยั่งยืนการจ้างงานที่มีคุณค่า ข้อที่ 14 อนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากมหาสมุทรและทรัพยากรทางทะเล เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน และสุดท้าย ข้อที่ 13 ดำเนินมาตรการเร่งด่วนเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและผลกระทบ

ในปีที่ผ่านมา ไทยยูเนี่ยนเป็นบริษัทผู้ผลิตอาหารและบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทยบริษัทแรกที่ร่วมในโครงการ EP100 ขององค์กร The Climate Group ซึ่งเป็นเรื่องของการใช้พลังงานอย่างชาญฉลาด โดยไทยยูเนี่ยนมีเป้าหมายที่จะใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเป็นสองเท่าภายในปี 2574 เทียบจากข้อมูลในปี 2559

ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการจัดอันดับโดยดัชนี Seafood Stewardship Index (SSI) เป็นอันดับที่ 1 จาก 30 บริษัทอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย โดยประเมินจากการทำงานที่ตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ และในเดือนตุลาคมนี้ ยังคว้ารางวัล SDG Impact Award จากงาน Responsible Business Awards 2020 จากความพยายามในการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ขององค์การสหประชาชาติ

--ENDS--

เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลของโลก ซึ่ง ส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรม รสชาติดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีคุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคทั่วโลกมาเป็นเวลากว่า 40 ปี

วันนี้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลระดับโลก โดยเป็นหนึ่งในผู้ผลิตปลาทูน่าในบรรจุภัณฑ์ชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีมากกว่า 126,275 ล้านบาท (4.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีพนักงานทั่วโลกรวมกันมากกว่า 44,000 คน ซึ่งล้วนทุ่มเทเพื่อผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรมและมีความยั่งยืน

ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ เบลลอตต้า และมาร์โว่

จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบทั่วโลก ไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาโดยตลอด จนส่งผลให้ไทยยูเนียนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่มาตั้งแต่ปี 2557 และในปี 2562 ไทยยูเนี่ยนได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของ DJSI เป็นปีที่หกติดต่อกัน โดยได้รับเลือกเป็นบริษัทอันดับ 1 ของกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหารเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน และได้รับอีกหลากหลายรางวัลสำหรับการเป็นผู้นำในการทำงานด้านความยั่งยืน