ไทยยูเนี่ยน ก้าวสู่โครงการระดับโลก เพื่อจัดการปัญหาสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง

บรรยายภาพภาพ: ไทยยูเนี่ยน ได้เข้าร่วมในโครงการขององค์กร The Climate Group ในเรื่องการใช้พลังงานอย่างชาญฉลาด ซึ่งการเข้าร่วมนี้เป็นหนึ่งในกลุยทธ์ของบริษัทที่จะจัดการกับปัญหาเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และปัญหานี้ยังส่งผลกระทบต่อท้องทะเลทั่วโลก

19 มีนาคม 2562, กรุงเทพ - บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทผู้ผลิตอาหารรายแรก และเป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทย ที่เข้าร่วมโครงการ EP 100 ขององค์กร The Climate Group ซึ่งเป็นเรื่องของการใช้พลังงานอย่างชาญฉลาด ซึ่งการเข้าร่วมนี้เป็นหนึ่งในกลุยทธ์ของบริษัทที่จะจัดการกับปัญหาเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และปัญหานี้ยังส่งผลกระทบต่อท้องทะเลทั่วโลก โดยไทยยูเนี่ยนมีเป้าหมายที่จะใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเป็นสองเท่าภายในปี 2574 เทียบจากข้อมูลในปี 2559

ด้วยการนำขององค์กร The Climate Group และการร่วมมือกับองค์กร Alliance to Save Energy และโครงการ EP 100 จะนำบริษัทขนาดใหญ่ที่มีความมุ่งมั่นในการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพให้มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ผลลัพธ์ทางด้านเศรษฐกิจสูงขึ้นจากการใช้พลังงานทุกหน่วยที่มีการใช้พลังงาน

การเข้าร่วมกับองค์กร The Climate Group ของไทยยูเนี่ยน แสดงให้เห็นถึง ความรับผิดชอบของบริษัทในการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกของทั้งอุตสาหกรรมอาหารทะลโลก ในฐานะที่เป็นหนึ่งในบริษัทอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ดร. แดเรี่ยน แมคเบน ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมกิจการองค์กรและความยั่งยืนของไทยยูเนี่ยน กล่าวว่า “เราทุกคนเห็นอย่างชัดเจนถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีต่อโลก เริ่มจากอุณหภูมิที่ร้อนขึ้น สภาพอากาศที่มีความรุนแรงขึ้น และอุณหภูมิในท้องทะเลที่สูงขึ้น ท้องทะเลทั่วโลกมีความสำคัญต่อธุรกิจของเรา แต่ที่สำคัญมากกว่านั้นคือผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีต่อท้องทะเลจะส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนหลายล้านคนอีกด้วย เรามั่นใจว่า การร่วมมือในโครงการ EP 100 ของ The Climate Group จะสามารถผลักดันให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีสำหรับทุกคน”

นางสาวเฮเลน คลาร์กสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า “เรายินดีต้อนรับ ไทยยูเนี่ยนที่ได้เข้าร่วมในโครงการ EP 100 ของเรา การใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นมีความจำเป็นต่อการจัดการวิกฤตเรื่องสภาพภูมิอากาศของโลก แต่ความคืบหน้าช้าเกินไป เราต้องการการทำงานที่มากขึ้นในเรื่องการใช้พลังงานอย่างประหยัดเพื่อลดปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ

องค์กร The Climate Group ยินดีที่ไทยยูเนี่ยนเป็นตัวอย่างในการเป็นผู้นำ เราต้องการให้บริษัทอื่นๆ ในอุตสาหกรรมอาหารโลกก้าวขึ้นมาและมีการใช้พลังงานน้อยลงมาขึ้น”

ไทยยูเนี่ยน ได้เข้าร่วมในโครงการ EP 100 ในส่วนของโปรแกรม Cooling Challenge ซึ่งจะเน้นไปที่เรื่องระบบการทำความเย็นในโรงงานให้มีวิธีการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยการดำเนินงานจากนี้ หน่วยงาน American Society of Heating, Refrigerating and Air-Conditioning Engineers (ASHRAE) จะทำการตรวจสอบการใช้พลังงานในโรงงานผลิตของไทยยูเนี่ยน 2 โรงงาน และให้คำแนะนำเรื่องการปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบการทำความเย็นของทั้งสองโรงงาน ซึ่งไทยยูเนี่ยนจะต้องรายงานความคืบหน้าผลการดำเนินงานไปยังโครงการ EP 100 เป็นประจำทุกปี

ความพยายามของไทยยูเนี่ยน และการทำงานขององค์กร The Climate Group จะช่วยส่งเสริมกลยุทธ์ความยั่งยืนของไทยยูเนี่ยน หรือ SeaChange® ด้วยการพัฒนาโครงการสำคัญต่างๆ ของอุตสาหกรรมที่จะช่วยปกป้องท้องทะเลได้

และเมื่อปีที่แล้ว ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการจัดอันดับโดยดัชนี Seafood Stewardship Index (SSI) เป็นอันดับที่ 1 จาก 30 บริษัทอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย โดยประเมินจากการทำงานที่ตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ

###

เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลของโลก ซึ่ง ส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรม รสชาติดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีคุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคทั่วโลกมาเป็นเวลากว่า 40 ปี

วันนี้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าบรรจุภาชนะชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีมากกว่า 126,275 ล้านบาท (4.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีพนักงานทั่วโลกรวมกันมากกว่า 44,000 คน ซึ่งล้วนทุ่มเทเพื่อผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรมและมีความยั่งยืน

ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ เบลลอตต้า และมาร์โว่

จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบทั่วโลก ไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาโดยตลอด จนส่งผลให้ไทยยูเนียนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่มาตั้งแต่ปี 2557 และในปี 2562 ไทยยูเนี่ยนได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของ DJSI เป็นปีที่หกติดต่อกัน โดยได้รับเลือกเป็นบริษัทอันดับ 1 ของกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหารเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index และได้รับอีกหลากหลายรางวัลสำหรับการเป็นผู้นำในการทำงานด้านความยั่งยืน

สอบถามข้อมูลติดต่อ
วิริยาภรณ์ โปษยานนท์ (แป๋ม)
อีเมล์ wiriyaporn.posayanonda@thaiunion.com
โทร +66.81.922.5135

จิรวัส มนตรีวงศ์ (ดิว)
อีเมล์ jirawat.montreevong@thaiunion.com
โทร +66.84.668.8845

เกี่ยวกับ The Climate Group

ภารกิจขององค์กร The Climate Group คือ การดำเนินการอย่างเร่งเพื่อให้อุณหภูมิของโลกไม่ให้มากกว่า 1.5 องศาเซลเซียสจากภาวะโลกร้อนซึ่งจะมีผลดีสำหรับทุกคน การดำเนินงานขององค์กรคือการนำเครือข่ายต่างๆ ที่มีอิทธิพลของทั้งภาคธุรกิจและภาครัฐมาร่วมกับเปลี่ยนแปลงตลาดทั่วโลกและนโยบายต่างๆ เราเน้นการเปลี่ยนแปลงที่มีโอกาสทั่วโลก และจะใช้นวัตกรรมและโซลูชั่นต่างๆ เพื่อความก้าวหน้า เราเป็นองค์กรนานาชาติที่ไม่แสวงหาผลกำไร ตั้งขึ้นเมื่อปี 2547 เรามีสำนักงานที่ลอนดอน นิวเดลี และนิวยอร์ก เรามีความภูมิใจที่ได้มีส่วนในองค์กร We Mean Business Coalition เยี่ยมชมเว็บไซต์เราได้ที่ TheClimateGroup.org และติดตามได้ที่ Twitter@ClimateGroup และ Facebook @TheClimateGroup

โครงการ EP100 ขององค์กร The Climate Group เป็นโครงการริเริ่มที่นำกลุ่มบริษัทมีความมุ่งมั่นในการใช้พลังงานอย่างชาญฉลาดมารวมกันเพื่อปรับปรุงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การนำเรื่องของใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพเข้ามาในกลยุทธ์ทางธุรกิจ โดยบริษัทชั้นนำต่างๆ เหล่านี้จะขับเคลื่อนนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและการพัฒนาศักยภาพทางการแข่งขัน พร้อมกับการบรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งจะสร้างแรงบันดาลใจให้บริษัทอื่นๆ ดำเนินตาม โครงการ EP 100 นำโดย The Climate Group ร่วมกับองค์กร Alliance to Save Energy และ We Mean Business Coalition เพื่อส่งมอบให้กับ World Green Building Council’s Net Zero Carbon Buildings Commitment เยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ theclimategroup.org/EP100 หรือติดตามได้ที่ Twitter #EP100