ดร. แดเรี่ยน แมคเบน จากไทยยูเนี่ยน ได้รับรางวัล Seafood Champion ที่งานประชุมด้านอาหารทะเล SeaWeb

บรรยายภาพ: ดร. แดเรี่ยน แมคเบน ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมกิจการองค์กรและความยั่งยืนของไทยยูเนี่ยน ได้รับรางวัล Seafood Champion ในฐานะที่มีวิสัยทัศน์เกี่ยวกับความยั่งยืน ในงานประชุมด้านอาหารทะเล SeaWeb ที่กรุงเทพมหานคร

12 มิถุนายน 2562, กรุงเทพมหานคร – ดร. แดเรี่ยน แมคเบน ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมกิจการองค์กรและความยั่งยืน ของบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้รับรางวัล Seafood Champion ในฐานะที่มีวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการพัฒนาความยั่งยืนของอาหาร และการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกทั้งอุตสาหกรรม ที่งานประชุมด้านอาหาร SeaWeb

ดร. แดเรี่ยน ได้รับเกียรติให้ได้รับรางวัลชนะเลิศประเภทวิสัยทัศน์ด้านอาหารทะเล ซึ่งได้รับการยอมรับในฐานะการเป็นบุคคล หรือองค์กรที่แสดงความเป็นผู้นำที่โดดเด่นในการส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมของอาหารทะเล และนำไปสู่การสร้างนวัตกรรมทางอุตสาหกรรรมและการเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ รางวัลนี้ยังนำเสนอในประเภทของความเป็นผู้นำ การมีนวัตกรรม และการอุทิศตน

“ดิฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัลนี้ ซึ่งเป็นการรับรู้ถึงการทำงานอย่างหนักที่ทำอยู่ที่ไทยยูเนี่ยน เพื่อนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในอุตสาหกรรมอาหารทะเลของโลก” ดร. แดเรี่ยน กล่าว “เรารู้ว่ายังคงมีงานอีกมากมายข้างหน้า แต่เราจะยังคงทำงานร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียที่หลากหลายอย่างต่อเนื่องเพื่อหาหนทางแก้ปัญหากับความท้าทายที่อุตสาหกรรมกำลังเผชิญ”

รางวัลนี้ถูกนำเสนอที่งานประชุมด้านอาหารทะเล SeaWeb ซึ่งมีตัวแทนจากอุตสาหกรรมอาหารทะเลจากทั่วโลกมาร่วมกันแบ่งปันความรู้ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และหาหนทางร่วมกันในการแก้ปัญหาเพื่อไปถึงเป้าหมายรวมกัน นั่นคือการสร้างความยั่งยืนของอาหารทะเลที่มากขึ้นในอนาคต

ในระหว่างการเสวนาเรื่องการต่อต้านการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ดร. แดเรี่ยน กล่าวว่า มีการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกเกิดขึ้นมากมายในอุตสาหกรรม แต่ภาคธุรกิจเรียกร้องให้ภาครัฐ และภาคประชาสังคมทำงานร่วมกันเพื่อให้พวกเขาสามารถบรรลุเรื่องความโปร่งใส และเพื่อให้อาหารทะเลมีความยั่งยืนมากขึ้น นอกจากนี้ ดร. แดเรี่ยน กล่าวต่อว่า เป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสิทธิมนุษยชนในห่วงโซ่อุปทานของอาหารทะเลหากปราศจากความโปร่งใส ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญของการปฏิรูปอุตสาหกรรม

มร. ยอร์ก ไอร์เล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินกลุ่มบริษัทไทยยูเนี่ยน กล่าวในงานประชุมว่า จากมุมมองของภาคธุรกิจ ความยั่งยืนเป็นหลักสำคัญของการดำเนินงานเพื่อให้บริษัทประสบความสำเร็จ โดยมร. ยอร์ก กล่าวเพิ่มเติมว่า ธุรกิจที่มุ่งเน้นความสำคัญของความยั่งยืนจะสร้างมูลค่าทางการตลาดได้มากกว่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา

นอกจากนี้ มร. ยอร์ก ยังกล่าวถึง ประเด็นเรื่องความโปร่งใสและความยั่งยืนไม่จำเป็นต้องคืนผลตอบแทนทางการเงินกลับมาสำหรับธุรกิจ แต่มีสิ่งอื่นที่สำคัญตอบแทนกลับมาอย่างเท่าเทียมกัน นั่นคือการช่วยเหลือสังคม การมีส่วนร่วมของพนักงาน และการปกป้องสิทธิมนุษยชน

ในระหว่างการประชุมด้านอาหารทะเล SeaWeb ผู้เข้าร่วมประชุมได้มาเยี่ยมชมศูนย์นวัตกรรมไทยยูเนี่ยน ซึ่งมีนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยกว่า 160 ท่าน ในสาขาด้านเทคโนโลยีชีวภาพทางทะเล วิศวกรรม ชีวการแพทย์ ศาสตร์ทางด้านอาหารและโภชนาการที่เชื่อมโยงวิทยาการโภชนาการสมัยใหม่เข้ากับนวัตกรรมการผลิต เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดและอุตสาหกรรมอาหารโลก

โดยในวันศุกร์นี้ ผู้เข้าร่วมประชุมจะไปเยี่ยมชมโรงงานไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ ในจังหวัดสมุทรสาคร บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด เริ่มผลิตและส่งออกอาหารกุ้ง อาหารปลาน้ำจืด อาหารปลาทะเล และอาหารประเภทอัดเม็ด ตั้งแต่ปี 2543 และเมื่อเร็วๆ นี้ ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ มีบทบาทสำคัญในความร่วมมือระหว่างไทยยูเนี่ยน และบริษัท คาลิสตา ผู้ผลิตอาหารสัตว์โปรตีนทางเลือกชั้นนำไปยังฟาร์มกุ้ง ด้วย "ฟีดไคนด์ โปรตีน" อาหารสัตว์ที่บริษัทคาลิสตาได้คิดค้นขึ้นเพื่อตอบโจทย์ด้านความยั่งยืน สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ และความสมบูรณ์ของห่วงโซ่อุปทาน นอกจากนี้ ฟีดไคนด์จะทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค โดยคำนึงถึงทรัพยากรของโลกมากขึ้น แทนที่จะใช้อาหารโปรตีนเลี้ยงกุ้งที่ทำจากปลาที่โดนจับมาเพื่อทำอาหารกุ้งโดยเฉพาะ

###

เกี่ยวกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำธุรกิจอาหารทะเลของโลก ซึ่ง ส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรม รสชาติดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีคุณภาพสูงให้กับผู้บริโภคทั่วโลกมาเป็นเวลาเกือบ 40 ปี

วันนี้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าบรรจุภาชนะชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมียอดขายต่อปีมากกว่า 133.3 แสนล้านบาท (4.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ) และมีพนักงานทั่วโลกรวมกันมากกว่า 47,000 คน ซึ่งล้วนทุ่มเทเพื่อผลิตภัณฑ์อาหารทะเลที่มีนวัตกรรมและมีความยั่งยืน

ไทยยูเนี่ยนเป็นเจ้าของแบรนด์ทั่วโลก ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดโลกอย่าง Chicken of the Sea, John West, Petit Navire, Parmentier, Mareblu, King Oscar และ Rügen Fisch รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ ซีเล็ค ฟิชโช คิวเฟรช โมโนริ เบลลอตต้า และมาร์โว่

จากพันธกิจในการเป็นบริษัทแห่งนวัตกรรมและดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบทั่วโลก ไทยยูเนี่ยนภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในภาคีข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเพื่อความยั่งยืนของอาหารทะเลสากล (International Seafood Sustainability Foundation: ISSF) ในปี 2558 ไทยยูเนี่ยนเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® และดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาโดยตลอด จนส่งผลให้ไทยยูเนียนได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) สำหรับตลาดเกิดใหม่มาตั้งแต่ปี 2557 และในปี 2561 ไทยยูเนี่ยนได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของ DJSI เป็นปีที่ห้าติดต่อกัน โดยได้รับเลือกเป็นบริษัทอันดับ 1 ของกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหาร นอกจากนี้ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการคัดเลือกให้ติดอันดับดัชนี FTSE4Good Emerging Index และได้รับอีกหลากหลายรางวัลสำหรับการเป็นผู้นำในการทำงานด้านความยั่งยืน

ข้อมูลเพิ่มเติมโปรดติดต่อ
วิริยาภรณ์ โปษยานนท์
อีเมล์ wiryaporn.posayanonda@thaiunion.com
โทร +66.63.231.0385